สรุปงานเปิดตัว iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X อ่านรวดเดียวรู้เรื่อง

เปิดตัวกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone รุ่นใหม่ โดยเมื่อคืนนี้ Apple Event 2017 มีการเปิดตัวไปถึง 3 รุ่น ได้แก่ iPhone 8, iPhone 8 Plus และรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone X ที่มีหน้าตาและฟีเจอร์แปลกออกไป ซึ่งจะมีอะไรใหม่และน่าสนใจบ้างนั้น The All Apps ได้ทำการสรุปมาให้แล้ว ไปดูกันเลย

iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ดีไซน์เดิม เปลี่ยนวัสดุใหม่

iPhone รุ่นใหม่นั้นมีการนำดีไซน์เดิมมาใช้งาน แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนวัสดุใหม่ ใช้กระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขอบอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 เกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศสีเดียวกับกระจกมีให้เลือก สี ได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์, สีเงิน และ สีทอง ตัวเครื่องยังคงความสามารถกันน้ำและกันฝุ่น และเพิ่มฟีเจอร์การชาร์จไร้สายเข้ามาในรุ่นนี้ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงเรื่องของลำโพงสเตอริโอให้ดีขึ้น โดยจะให้เสียงดังขึ้นจากเดิม 25%

สำหรับหน้าจอยังคงขนาดเดิม 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว Retina HD ทั้งคู่ แต่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่การแสดงผลแบบ True Tone ขอบเขตสีกว้าง และมีการปรับไวท์บาลานซ์ให้ตรงกับสภาพแสงรอบๆ ตัวแบบอัตโนมัติเพื่อการแสดงผลแบบธรรมชาติ ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของตาเมื่อต้องนานๆ และแน่นอนว่ายังคงรองรับ 3D Touch อยู่

ชิพประมวลผลใหม่ ชิพ A11 Bionic มี 6 คอร์ แบ่งออกเป็น 2 คอร์สำหรับประมวลผลหลักที่เร็วขึ้น 25% และอีก 4 คอร์ที่เป็นตัวช่วย ซึ่งมีการทำงานที่เร็วขึ้น 70% ชิพประมวลผลใหม่นี้สามารถใช้ทั้ง 6 คอร์ได้พร้อมกัน มาพร้อม GPU M11 เร็วขึ้นกว่าเดิม 30% ประหยัดพลังงานมากกว่า และยังรองรับ Metal 2 และ Core ML ซอฟท์แวร์สำหรับสร้างเกม 3D และ AR

กล้องหลังยังคงความแตกต่างกันเช่นเดิม โดย iPhone 8 Plus จะเป็นกล้องคู่ (กล้องมุมกว้างและกล้องเทเลโฟโต้) ส่วน iPhone 8 จะเป็นแค่กล้องธรรมดา ซึ่งตัวกล้องจะใช้ ISP ใหม่ ที่ให้ภาพสมจริงและสวยงามขึ้น

โหมดภาพถ่ายบุคคล (Portrait Mode) มีการปรับปรุงใหม่ เพิ่มประสทิธิภาพการเบลอฉากหลังที่สมจริงมากขึ้น ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น และเพิ่มโหมด การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล (Portrait Lighting) ใส่เอฟเฟ็กต์แสงในรูปแบบต่างๆ เข้าไปที่ใบหน้าเพื่อเพิ่มความสวยงามในการถ่ายภาพบุคคล

iPhone X (ไอโฟน เท็น)

One more thing ประโยคที่คุ้นหูในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่มีคำนี้เมื่อไร มักจะมีอะไรที่น่าสนใจออกมา สำหรับคราวนี้เป็นการเปิดตัว iPhone X ที่ฉลอง iPhone ออกมาครบ 10 ปี แล้ว ( X ในภาษาโรมันหมายถึง 10) สำหรับรุ่นนี้

สิ่งที่แตกต่างออกไปจาก iPhone 8, iPhone 8 Plus อย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือหน้าจอ ซึ่งมีหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว และไม่มีปุ่มโฮม!! ใช้หน้าจอ OLED แสดงสีดำได้ดำสนิท มีความสว่างสูง ให้สีสันที่สวยงาม และช่วยประหยัดพลังงานในการแสดงผลมากกว่ารุ่นปกติ นอกจากนี้ยังมีความละเอียดสูง Super Retina HD  ความละเอียด 2436×1125 พิกเซล 458ppi สามารถดูหนัง, ภาพถ่ายแบบ HDR จะได้ความคมชัดและสวยงามขึ้น หน้าจอของรุ่นนี้ยังมีเทคโนโลยี True Tone แบบเดียวกับรุ่นปกติ ที่จะปรับการแสดงผลหน้าจอแบบอัตโนมัติเพื่อให้ดูธรรมชาติไม่ต่างจากบนหน้ากระดาษ ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตานั่นเอง

เมื่อไม่มีปุ่มโฮม การใช้งานก็เปลี่ยนไป ใช้การ Swipe แทน

และแถบที่โผล่มาที่หน้าจอนั้นก็มีเซ็นเซอร์, กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล, กล้องอินฟาเรด, ลำโพง, ไมโครโฟน ใช้กระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ใช้สแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรม รองรับการชาร์จไร้สาย และยังกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP67

Face ID ฟีเจอร์ใหม่ที่มีเฉพาะใน iPhone X เท่านั้น การจดจำใบหน้าได้อย่างแม่นยำโดยอาศัยเซ็นเซอร์ต่างๆ มากมายจากด้านหน้าเพื่อการปลดล็อค การใช้งานต่างๆ ของเครื่อง โดยไม่สามารถสวมหน้ากากหรือใช้รูปถ่ายแทนได้ เนื่องจาก Face ID จะจดจำโครงสร้างใบหน้าของคุณในรูปแบบ 3D รวมการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นหนวดเครา, ใส่หมวก, ใส่แว่น Face ID ก็สามารถสแกนและปลดล็อคการใช้งานได้

ชิพประมวลผลใช้ A11 Bionic เหมือนกับรุ่นปกติ แต่ตัวกล้องนั้นพิเศษมากขึ้นที่รูรับแสงของกล้องเทเลที่สว่างกว่า โดยเป็นกล้องคู่ กล้องมุมกว้างและกล้องเทเลโฟโต้ ความละเอียด 12MP (มุมกว้าง: รูรับแสงขนาด ƒ/1.8 และเทเลโฟโต้: รูรับแสงขนาด ƒ/2.4) ชุดเลนส์ 6 ชิ้น ซูมออปติคอล และซูมดิจิตอลได้สูงสุด 10 เท่า ระบบกันสั่น OIS

กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมด Portrait Selfie ที่ให้เซลฟี่ภาพบุคคลที่มีใบหน้าคมชัดแต่ฉากหลังละลายเหมือนกับโหมดถ่ายภาพบุคคล อีกทั้งยังมีโหมด การจัดแสงภาพถ่ายบุคคลเซลฟี่ และยังใช้เทคโนโลยีนี้ใช้งานร่วมกับ Animoji จำลองสีหน้าแล้วแปลงเป็นอีโมจิส่งให้กับเพื่อน

 

ราคา iPhone8, iPhone 8 Plus และ iPhone X

สำหรับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus จะวางจำหน่าย 3 สี ได้แก่ สีทอง Gold, สีเงิน Silver และ สีเทาสเปซเกรย์ Space Gray เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 22 กันยายน ส่วน iPhone X มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน Silver และ สีเทาสเปซเกรย์ Space Gray เปิดให้พรีออเดอร์ 27 ตุลาคม และเริ่มวางจำหน่าย 3 พฤศจิกายนนี้

ราคา iPhone 8 64GB $699 (ประมาณ 23,200 บาท) , 256GB $849 (ประมาณ 28,200 บาท)

ราคา iPhone 8 Plus 64GB $799 (ประมาณ 26,500 บาท ), 256GB $949 (ประมาณ 32,000 บาท)

ราคา iPhone X 64GB $999 (ประมาณ 33,000 บาท), 256GB $1149 (ประมาณ 38,000 บาท)

ส่วนจะวางจำหน่ายในไทยเมื่อไรนั้น คงต้องรอติดตามกันต่อไป ส่วนราคาเข้าไทยนั้น อาจจะมีการบวกเพิ่มเรื่องภาษีอีก คงต้องรอดูว่าจะมีราคาประมาณเดิม แพงขึ้น หรือลดลง

 

 

Exit mobile version