รีวิว iPhone SE รุ่นที่ 3 สีมิดไนท์ ชิป A15 Bionic แรงขึ้นกว่าเดิม เริ่มต้น 15,900 บาท

วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ iPhone SE รุ่นที่ 3 ที่รุ่นนี้ได้มีการอัปเกรดประสิทธิภาพขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้า โดยมีการนำชิป A15 Bionic เข้ามาใช้งานและได้ทำให้สามารถใช้งานคุณสมบัติสำคัญๆ ได้เพิ่มเติมมากขึ้น วันนี้ The All Apps ก็ขอพาทุกท่านมาชมแกะกล่อง พาชมตัวเครื่อง “สีมิดไนท์” กันว่าจะสวยงามแค่ไหน และเล่าถึงประสบการณ์การใช้งาน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปติดตามรีวิวกันเลย

สเปก iPhone SE รุ่นที่ 3

แกะกล่อง ส่องอุปกรณ์

กล่องงของ iPhone SE รุ่นใหม่นี้ จะมาในรูปแบบเหมือนรุ่นก่อนหน้า โดยจะมีรูปตัวเครื่องเท่าขนาดจริงสกรีนบนหน้ากล่องและมีการบอกว่าภายในกล่องนั้นจะเป็นสีอะไร และที่เราจะนำมาให้ทุกท่านได้ชมวันนี้ก็คือ “สีมิดไนท์” นั่นเอง

ตัวกล่องจะมาในรูปแบบเรียบแบนกว่ารุ่นก่อนหน้า เนื่องจากในปลายปี 2020 ที่ผ่านมา Apple ได้ทำการตัดหูฟังและอะแดปเตอร์ออกจากชุดจัดจำหน่ายเพื่อเป็นการรักษ์โลกและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ลง จึงทำให้ iPhone SE ของปี 2022 นี้ มีขนาดกล่องที่บางลงเนื่องจากมีไม่หูฟังและอะแดปเตอร์แถมมานั่นเอง

สำหรับเครื่องศูนย์ไทยจะมีข้อความเป็นภาษาไทยที่ด้านหลังกล่อง และมาพร้อมกับซีลกระดาษด้านบนและด้านล่าง เมื่อฉีกออกมาแล้วก็ไม่สามารถติดกลับไปได้ หากใครที่จะซื้อเครื่องใหม่ ก็อย่าลืมเช็คตรงนี้ด้วย

เมื่อเปิดออกมาก็จะพบกับตัวเครื่องวางคว่ำหน้าอยู่ โดยมีแผ่นพลาสติกใสปิดด้านหน้าและด้านหลังเพื่อกันรอย โดยด้านหน้าจะมีการบอกตำแหน่งของปุ่มต่างๆ

เมื่อยกตัวเครื่องออกมา ก็จะพบกับกล่องใส่เอกสารขนาดเล็กที่เขียนว่า Designed by Apple in California และสายชาร์จ Lightning to USB-C โดยไม่มีหูฟังและอะแดปเตอร์ชาร์จภายในกล่อง

ซึ่งภายในกล่องก็จะมีเอกสารพวกคู่มือการใช้งานพร้อมกับสติ๊กเกอร์ Apple พร้อมกับเอกสารของ กสทช และเข็มจิ้มถาดซิมการ์ด

พาชม iPhone SE รุ่นที่ 3 สีมิดไนท์

iPhone SE รุ่นที่ 3 มาในดีไซน์เดิม โดยใช้ดีไซน์ของ iPhone 8 เข้ามาใช้งาน แต่ในรุ่นนีได้มีการใช้กระจกแบบเดียวกันกับกระจกด้านหลังของ iPhone 13 ที่จะทำให้รุ่นนี้มีความแข็งแรงและทนทานมากขึ้น และมีการวางกล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซลพร้อมกับไฟแฟลชมาให้

สีมิดไนท์ ก็เป็นสีที่เปรียบเสมือนท้องฟ้ายามคำ่คืนจึงทำให้ตัวเครื่องดูเป็นสีน้ำเงินเข้มในเวลาออกแดด หรือมีแสงมาตกกระทบ แต่ถ้ามองผ่านๆ ก็จะเป็นสีดำเข้มๆ

ด้านขวาจะมาพร้อมกับปุ่มล็อคและปลดล็อคตัวเครื่อง โดยใช้งานร่วมกับปุ่มพาวเวอร์เปิด/ปิดเครื่อง และถัดมาจะเป็นช่องสำหรับใส่ถาดซิมการ์ด โดยจะรองรับซิมการ์ดแบบนาโนซิมและรองรับการใช้งาน รองรับ eSIM พร้อมกับขอบตัวเครื่องอะลูมเนียม

ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะมาพร้อมกับปุ่มปิดเสียง และปุ่มปรับระดับเสียงสนทนาเช่นเคย

ด้านล่างมาพร้อมกับพอร์ต Lightning และไมโครโฟนและลำโพง ซึ่งจะมีดีไซน์ที่เหมือนกับเป็นรูลำโพงทั้ง 2 ข้าง

เนื่องจากมีการใช้งานในดีไซน์เดิม iPhone SE รุ่นปี 2022 นี้จึงมาพร้อมกับหน้าจอ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ที่ 326 ppi ขอบเขตสีกว้าง (P3) โดยมีขอบหน้าจอด้านบนสำหรับวางกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล และลำโพงสนทนา ส่วนด้านล่างมาพร้อมกับ Touch ID เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ใช้ร่วมกับปุ่มโฮม

ชิป A15 Bionic

Apple ได้เลือกใช้ชิป A15 Bionic ชิปรุ่นใหม่ล่าสุดของ iPhone ที่ถูกใช้งานใน iPhone 13 Series เป็น CPU แบบ 6-core ซึ่งมีคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ พร้อม GPU แบบ 4-core และ Neural Engine แบบ 16-core

ซึ่งจะช่วยทำให้การประมวลผลทำได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการเล่นเกมต่างๆ ก็สามารถทำได้ดีกว่าเดิม โดยทาง Apple เคลมว่าประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 1.2 เท่า ซึ่งเท่าที่ได้ทดสอบเล่นเกมกราฟิกหนักๆ อย่าง NBA 2K, Genshin Impact ก็ทำได้อย่างลื่นไหล และด้านลำโพงก็ยังมีการใช้ลำโพงสนทนาเพิ่มเข้ามาทำให้ได้เสียงที่ดีขึ้น มีมิติ ไม่แห้งๆ แบบลำโพงโมโนบนสมาร์ทโฟนบางรุ่น แต่ด้วยหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ก็ถือว่าเล็กเกินไปสำหรับการเล่นเกมในยุคที่สมาร์ทโฟนหหน้าจอขั้นต่ำ 6 นิ้วในยุคนี้แล้วv

ระบบปฏิบัติการที่ติดมากับตัวเครื่องก็คือ iOS 15 ที่มาพร้อมกับ Widget สำหรับการตกแต่งหน้าโฮมสกรีน และ App Library สำหรับการจัดหมวดหมูแอปพลิเคชันเข้าไว้ด้วยกัน และยังเป็น iPhone SE รุ่นแรกที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G อีกด้วย

กล้องหลังความละเอียด 12 พิกเซล

ด้านกล้องหลังยังคงใช้งานกล้องเดี่ยวความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 พร้อมกับไฟแฟลช True Tone แบบ LED อาจจะดูไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่รุ่นนี้ได้มีการใช้ชิป A15 Bionic และยังรองรับ Deep Fusion ที่เป็นระบบประมวลผลภาพโดย Neural Engine แบบ 16-core ของชิป A15 Bionic ทำให้การประมวลผลการถ่ายภาพทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่แสงน้อยที่ให้รายละเอียดและความคมชัดได้ดีไม่แพ้สมาร์ทโฟนกล้องดีๆ เลย อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพบุคคล (Portrait) มาให้ใช้งานถ่ายภาพละลายฉากหลังทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังอีกด้วย

ภาพถ่ายตัวอย่าง

แบตเตอรี่

ถึงแม้ Apple จะบอกว่ามีแบตเตอรี่ที่ดูวิดีโอได้นานขึ้นกว่าเดิม 2 ชั่วโมง เพราะได้เปลี่ยนมาใช้ชิป A15 Bionic นั้น แต่การใช้งานด้านแบตเตอรี่จริงๆ ก็ยังไม่เพียงพอใน 1 วันเต็มๆ หากมีการใช้งานต่อเนื่อง หรือมีการเล่นเกมมากหน่อย ก็อาจจะต้องพกอุปกรณ์ชาร์จหรือ Power Bank ติดตัวไปด้วย

สำหรับการชาร์จ จะรองรับการชาร์จแบบไร้สาย และเมื่อชาร์จกับอะแดปเตอร์ 20 วัตต์ (ซื้อแยก) สามารถชาร์จจาก 0% ถึง 50% ได้ในเวลา 30 นาที และยังคงชาร์จผ่านพอร์ต Lightning เช่นเคย

สรุปความคิดเห็น iPhone SE รุ่นที่ 3

หน้าตาภายนอกอาจจะดูไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะยังคงใช้งานในดีไซน์เดิม ขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้วเท่าเดิม กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนวัสดุกระจกที่แข็งแรงขึ้น และที่สำคัญคือมีการเปลี่ยนมาใช้ชิปรุ่นใหม่ล่าสุดของ iPhone นั่นก็คือ A15 Bionic ที่จะช่วยประมวลผลการทำงานด้านต่างๆ ได้ดีขึ้น รวมถึงการเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา และยังทำให้รองรับการถ่ายภาพแบบ Deep Fusion ที่ช่วยให้ภาพออกมาสวยงามและคมชัด ดูดีกว่าเดิมมาก

ใครที่กำลังมองหา iPhone ให้ลูกหลานไว้ใช้งาน หรือนำมาใช้กับระบบ ecosystem ของ Apple เอง แต่ไม่ได้อยากได้หน้าจอใหญ่ หรือรุ่นที่มีราคาแพง iPhone SE รุ่นที่ 3 ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ กับราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท

ราคาและการวางจำหน่าย

มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีมิดไนท์ สตาร์ไลท์ และ (PRODUCT)RED โดยมีราคาดังนี้

วางจำหน่ายแล้วที่ Apple Store และร้านค้าตัวแทน พร้อมกับช่องทางออนไลน์ apple.com, Banana IT, Power Buy, King Power

Exit mobile version