Apple เผยแผนที่จะพัฒนาธุรกิจให้เป็นกลางทางคาร์บอนทั้งใน ซัพพลายเชนการผลิตและตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ภายในปี 2030 แม้ว่าตอนนี้บริษัทมีความเป็นกลางทางคาร์บอนอยู่แล้วในส่วนของการดำเนินงานทั่วโลก แต่เป้าหมายใหม่ที่จะทำให้สำเร็จในปี 2030 นี้หมายความว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นของ Apple ที่วางจำหน่ายจะไม่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ
“ธุรกิจทั้งหลายมีโอกาสในการช่วยสร้างอนาคตที่มีความยั่งยืนมากขึ้น ทั้งหมดนี้เกิดจากความใส่ใจในโลกที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน” Tim Cook, CEO ของ Apple กล่าว “นวัตกรรมที่อยู่เบื้องหลังเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของเราไม่เพียงแต่สร้างประโยชน์ให้โลกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราประหยัดพลังงานในการผลิต รวมถึงมอบแหล่งพลังงานสะอาดใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์ไปทั่วโลก การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศสามารถเป็นรากฐานในการสร้างนวัตกรรม สร้างงาน และส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และด้วยความมุ่งมั่นด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนของเรา เราหวังว่าจะได้เป็นกำลังเล็กๆ ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่”
Apple ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางรักษาความเป็นกลางทางคาร์บอนพร้อมกับโร้ดแมพสำหรับบริษัทอื่นๆ เนื่องจากธุรกิจสาขาต่างๆ ก็ล้วนแต่หาวิธีลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศด้วยกันทั้งสิ้น ในรายงานความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อมปี 2020 ที่เผยแพร่วันนี้ Apple ได้กล่าวถึงรายละเอียดของแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลง 75 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030 พร้อมๆ กับพัฒนานวัตกรรมการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์โดยรวมที่เหลืออีก 25 เปอร์เซ็นต์
เพื่อสนับสนุนความพยายามนี้ Apple ได้จัดตั้งโครงการ Impact Accelerator ที่จะเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีชนกลุ่มน้อยเป็นเจ้าของกิจการซึ่งส่งผลดีต่อซัพพลายเชน และลงทุนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระดับที่เป็นอันตรายมากเป็นพิเศษ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริ่เริ่มสนับสนุนความยุติธรรมทางเชื้อชาติและความเท่าเทียมมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ของ Apple ที่เคยประกาศไปแล้ว โดยเน้นความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา ความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ และการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
“เราภูมิใจในโครงการรักษาสิ่งแวดล้อมและโร้ดแมพที่ได้วางไว้สำหรับอนาคต” Lisa Jackson รองประธานฝ่ายโครงการด้านสิ่งแวดล้อม นโยบาย และกิจกรรมทางสังคมของ Apple กล่าว “การเหยียดสีผิวแบบเป็นระบบและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนั้นไม่ใช่คนละเรื่องเสียทีเดียว วิธีแก้ไขทั้งสองปัญหานั้นไม่ได้แตกต่างกัน ในยุคนี้เรามีโอกาสช่วยสร้างเศรษฐกิจที่มีความเป็นธรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ ขึ้นใหม่เพื่อสร้างโลกที่คนรุ่นหลังจะสามารถเรียกว่าบ้านได้อย่างเต็มภาคภูมิ”
โร้ดแมพเรื่องสภาพอากาศของ Apple
โร้ดแมพระยะเวลา 10 ปีของ Apple จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ด้วยหลากหลายวิธี เช่น
การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนน้อย: Apple จะยังคงใช้วัสดุที่ปล่อยคาร์บอนน้อยและรีไซเคิลได้ในกระบวนการผลิต คิดค้นวิธีใหม่ๆ ในการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ประหยัดพลังงานมากที่สุด
- นวัตกรรมด้านการรีไซเคิลล่าสุดของ Apple อย่างเจ้าหุ่นยนต์ “Dave” จะถอดแยกชิ้นส่วน Taptic Engine® จาก iPhone® เพื่อกู้คืนวัสดุสำคัญได้มากขึ้น เช่น แม่เหล็กและทังสเตนที่เป็นธาตุโลหะหายาก รวมทั้งนำเหล็กกลับมาใช้ใหม่ได้ ขั้นถัดไปคือการผลิตหุ่นยนต์แยกชิ้นส่วนรุ่นใหม่สำหรับ iPhone ที่ชื่อ “Daisy”
- ห้องแล็บกู้คืนชิ้นส่วนของบริษัทในเมืองออสติน รัฐเท็กซัสซึ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการรีไซเคิลชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตอนนี้จับมือกับมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon เพื่อปรับปรุงโซลูชั่นด้านวิศวกรรมให้ดียิ่งขึ้น
- iPhone, iPad®, Mac® และ Apple Watch® ทุกเครื่องที่วางจำหน่ายเมื่อปีที่แล้วสร้างจากวัสดุรีไซเคิลได้ ซึ่งรวมถึงแร่ธาตุโลหะหายากที่รีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ในชิ้นส่วน Taptic Engine ของ iPhone ซึ่งเป็นครั้งแรกสำหรับ Apple และสมาร์ทโฟน
- Apple ลดการสร้างคาร์บอนได้ถึง 4.3 ล้านเมตริกตันในปี 2019 ด้วยการปรับปรุงการออกแบบและการใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้ในผลิตภัณฑ์ ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา Apple ได้ลดปริมาณการใช้พลังงานเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ได้ถึง 73 เปอร์เซ็นต์
การเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน: Apple เสาะหาวิธีใหม่ๆ ในการลดการใช้พลังงานในอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกในองค์กรและช่วยให้ซัพพลายเชนทำได้เช่นเดียวกัน
- US-China Green Fund ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ Apple โดยจะให้เงินลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์แก่โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานแบบเร่งด่วนสำหรับซัพพลายเออร์ของ Apple
- มีอาคารสถานที่เข้าร่วมในโครงการประสิทธิภาพด้านพลังงานซัพพลายเออร์ของ Apple เพิ่มเป็น 92 แห่งในปี 2019 ซึ่งลดการปล่อยคาร์บอนของซัพพลายเชนได้กว่า 779,000 เมตริกตันต่อปี
- เมื่อปีที่แล้ว Apple ได้ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานให้กับอาคารหลังใหม่และหลังปัจจุบันเป็นพื้นที่กว่า 6.4 ล้านตารางฟุต โดยลดความต้องการใช้ไฟฟ้าได้เกือบ 1 ใน 5 เท่าและประหยัดเงินให้บริษัทได้ถึง 27 ล้านดอลลาร์
พลังงานหมุนเวียน: Apple จะรักษาระดับการใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงานไว้ที่ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเน้นการสร้างโครงการริเริ่มและการเปลี่ยนให้ซัพพลายเชนทั้งหมดหันไปใช้พลังงานสะอาด
- Apple มีซัพพลายเออร์กว่า 70 รายเข้าร่วมในโครงการใช้พลังงานหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับสายการผลิตของ Apple ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานเกือบ 8 กิกะวัตต์ที่ใช้ในกระบวนการผลิต หากโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 14.3 ล้านเมตริกตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 3 ล้านคันในแต่ละปี
- โครงการใหม่และที่เสร็จสมบูรณ์แล้วในแอริโซนา โอเรกอน และอิลลินอยส์ ทำให้ Apple สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนให้กับการดำเนินงานของบริษัทกว่า 1 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานที่จ่ายให้กับบ้านเรือน 150,000 หลังในแต่ละปี พลังงานหมุนเวียนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่ Apple ใช้ในอาคารสถานที่ขององค์กรในตอนนี้ได้มาจากโครงการที่ Apple จัดทำขึ้น ซึ่งช่วยให้ชุมชนและธุรกิจอื่นๆ ได้รับประโยชน์ด้วย
- Apple กำลังจะเปิดใช้งานแผงโซลาร์เซลล์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสแกนดิเนเวีย รวมทั้งสองโครงการใหม่ที่ให้พลังงานแก่ชุมชนที่ขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในฟิลิปปินส์และไทย
การปรับปรุงด้านกระบวนการและวัสดุ: Apple รับมือกับการปล่อยคาร์บอนด้วยการปรับปรุงเทคโนโลยีในกระบวนการและวัสดุที่ใช้ในสายการผลิต
- Apple ให้การสนับสนุนการพัฒนากระบวนการถลุงแร่อะลูมิเนียมแบบไม่ปล่อยคาร์บอนโดยตรงเป็นครั้งแรก ผ่านการลงทุนและการร่วมมือกันกับซัพพลายเออร์อะลูมิเนียมสองราย
- และในวันนี้ทางบริษัทได้ประกาศว่าจะใช้อะลูมิเนียมแบบปล่อยคาร์บอนน้อยชุดแรกนี้ในการผลิต MacBook Pro® รุ่น 16 นิ้ว
- ด้วยความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ Apple สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกลุ่มฟลูออริเนตได้กว่า 242,000 เมตริกตันในปี 2019 ก๊าซกลุ่มฟลูออริเนตใช้ในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เชิงพาณิชย์หลายอย่างและมีส่วนต่อการเปิดปัญหาสภาวะโลกร้อน
การขจัดคาร์บอน: Apple กำลังลงทุนเรื่องการปลูกป่าและโซลูชั่นด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ทั่วโลกเพื่อขจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ
- Apple ประกาศเรื่องกองทุนเพื่อการแก้ปัญหาคาร์บอนซึ่งไม่เคยมีบริษัทไหนทำมาก่อน โดยกองทุนนี้มีไว้สำหรับการลงทุนด้านการฟื้นฟูและการพิทักษ์ป่าและระบบนิเวศทางธรรมชาติทั่วโลก
- บริษัทได้ร่วมมือกับองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ โดยจะลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ต่อยอดสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากงานที่ทำอยู่ เช่น การฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลนที่สำคัญในโคลอมเบียและทุ่งหญ้าเสื่อมโทรมในเคนยา ป่าชายเลนนั้นนอกจากจะช่วยป้องกันชายฝั่งแล้วยังส่งเสริมการดำรงชีวิตในชุมชน แต่ก็เป็นแหล่งสะสมคาร์บอนมากกว่าป่าประเภทอื่นๆ ถึง 10 เท่าเช่นกัน
- ด้วยความร่วมมือกับกองทุนเพื่อการอนุรักษ์ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล และองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ ทางบริษัทได้ปกป้องและฟื้นฟูผืนป่าที่ดูแลอยู่กว่า 1 ล้านเอเคอร์และปรับปรุงวิธีแก้ไขปัญหาสภาพอากาศในจีน สหรัฐอเมริกา โคลอมเบีย และเคนยา
Apple ได้ร่วมมือกับภาครัฐ ธุรกิจอื่น องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และผู้บริโภคทั่วโลกเพื่อสนับสนุนนโยบายเพิ่มความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด ซึ่งบริษัทเล็งเห็นว่าเป็นการดำเนินงานที่สำคัญอย่างยิ่งต่อสภาพอากาศของโลก คุณสามารถดูแผนแบบเต็มและวิธีการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ได้ในรายงานความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อมปี 2020 ได้ที่ apple.com/environment คุณสามารถดูความคืบหน้าของซัพพลายเออร์ได้ที่นี่
Apple มีการปฏิวัติเทคโนโลยีสำหรับส่วนบุคคลด้วยการเปิดตัวเครื่อง Macintosh ในปี 1984 ในวันนี้ Apple คือผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมด้วย iPhone, iPad, Mac และ Apple Watch สี่แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของ Apple — iOS, OS X, watchOS และ tvOS — ให้ประสบการณ์ที่ราบรื่นในทุกอุปกรณ์ Apple และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบุคคลด้วยบริการที่ก้าวล้ำรวมถึง App Store, Apple Music, Apple Pay และ iCloud พนักงานของ Apple นับแสนคนทุ่มเทสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลกเพื่อให้โลกเป็นโลกที่ดีกว่า