พรีวิว iPhone 15 Pro Max สี Black Titanium และ iPhone 15 Plus สีชมพู Pink เครื่องศูนย์ไทย

หลังจากที่ทาง Apple ได้เปิดให้สั่งซื้อ iPhone 15 Series ล่วงหน้าวันที่ 15 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา และจะให้ผู้ที่สั่งซื้อสามารถรับเครื่องได้วันแรกในวันที่ 22 กันยายน 2566 รวมถึงเปิดวางจำหน่ายเป็นวันแรกด้วย และก่อนที่ทุกท่านจะไปรับเครื่องจริงกันนั้น ทาง The All Apps ขอพาทุกท่านมาชมตัวเครื่อง iPhone 15 Pro Max สี Black Titanium และ iPhone 15 Plus สีชมพู Pink เครื่องศูนย์ไทยกันก่อน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปชมกันเลย

แกะกล่อง iPhone 15 Pro Max สี Black Titanium และ iPhone 15 Plus สีชมพู Pink เครื่องศูนย์ไทย

สำหรับตัวกล่องในปีนี้ทั้งรุ่น Pro และรุ่นธรรมดาจะมาในกล่องสีขาวทั้งคู่ โดยบนหน้ากล่องจะมีรูปภาพตัวเครื่องที่แสดงถึงสีของตัวเครื่องวางอยู่บนหน้ากล่อง ส่วนด้านหลังก็จะเป็นข้อมูลภาษาไทยที่แสดงถึงความเป็นเครื่องศูนย์ไทยนั่นเอง

ภายในกล่องจะมาพร้อมกับเอกสารต่างๆ พร้อมกับสติ๊กเกอร์ Apple อยู่ข้างในกล่องเอกสาร แน่นอนว่ามีเข็มจิ้มถาดซิมการ์ดมาให้ด้วย

และในปีนี้ iPhone 15 Series ได้เปลี่ยนมาใช้งานพอร์ต USB-C ดังนั้นสายชาร์จจะเป็น USB-C to USBC ความยาว 1 เมตร และเป็นแบบสายถักมาให้ใช้งานกันอีกด้วย

พรีวิว พาชมตัวเครื่อง iPhone 15 Pro Max

สำหรับ iPhone 15 รุ่น Pro ในปีนี้ ได้เปลี่ยนมาใช้วัสดุไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ และใช้โลหะผสมแบบเดียวกับที่ใช้ในยานอวกาศสำหรับภารกิจดาวอังคาร และใช้กระจกด้านหลังผิวด้าน ให้สัมผัสที่ดีต่อการหยิบจับใช้งาน รองรับการใช้งาน MagSafe

ซึ่งไทเทเนียมเป็นหนึ่งในโลหะที่มีอัตราส่วนความแข็งแกร่งต่อน้ำหนักดีที่สุดในบรรดาโลหะทั้งหมด ส่งผลให้รุ่น Pro มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้า มีน้ำหนัก 221 กรัม ต่างจากรุ่นก่อนหน้าประมาณ 20 กรัม แต่เวลาหยิบจับใช้งานแล้วให้ความรู้สึกแตกต่างและเบากว่าจริงเมื่อเทียบกับ iPhone 14 Pro Max

ถึงแม้จะดีไซน์ขอบด้านข้างตัวเครื่องแบบเรียบ แต่มีการปรับแนวขอบให้มีความโค้งมนมากกว่าเดิม จับแล้วรู้สึกสบายมือมากขึ้น

ด้านข้างมาพร้อมกับปุ่ม Action ที่จะมาแทนปุ่มเลื่อนเพื่อปิดเสียง โดยปุ่ม Action นี้สามารถตั้งค่าให้เป็นคำสั่งลัดต่างๆ แทนการปิดเสียงได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโหมดโฟกัส, กล้อง, ไฟฉาย, เสียงบันทึก, แปลภาษา และอื่นๆ

และอีกสิ่งนึงที่เปลี่ยนภายนอกให้เห็นกันก็คือ พอร์ต USB-C โดยทั้ง iPhone 15 Pro และ iPhone 15 ได้เปลี่ยนมาใช้งานจากพอร์ต Lightning มาเป็นพอร์ต USB-C กันหมดแล้ว และในรุ่น Pro จะเป็น USB 3 (สูงสุด 10Gb/s)

iPhone 15 Pro Max มีหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว จอภาพ OLED ทั้งหน้าจอ กระจก Ceramic Shield ความละเอียด 2796 x 1290 พิกเซลที่ 460 ppi ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต (ทั่วไป) ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 1,600 นิต (HDR) และความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 2,000 นิต (กลางแจ้ง) ดีไซน์ Dynamic Island พร้อมเทคโนโลยี ProMotion ที่มีอัตรารีเฟรชแบบปรับได้สูงสุดที่ 120Hz รองรับ Always On

ด้านกล้องก็มีการปรับปรุงใหม่ ประกอบด้วย

จึงทำให้ iPhone 15 Pro Max สามารถซูมเข้าแบบออปติคัล 5 เท่า, ซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุด 25 เท่า บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 12MP รูรับแสงขนาด ƒ/1.9

ในด้านขุมพลังมาพร้อมกับชิปใหม่ ชิป A17 Pro โดย CPU แบบ 6-core ใหม่ ซึ่งมีคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ GPU แบบ 6-core ใหม่ พร้อม Neural Engine แบบ 16-core ใหม่ ที่สามารถเล่นเกมระดับ AAA ได้ ให้ภาพและความรู้สึกที่เต็มอิ่มสมจริง

iPhone 15 Pro หน้าจอ 6.1 นิ้ว และ iPhone 15 Pro Max หน้าจอ 6.7 นิ้ว พร้อมวางจำหน่ายใน 4 สีสันใหม่โดนใจ ได้แก่ สีไทเทเนียมดำ สีไทเทเนียมขาว สีไทเทเนียมน้ำเงิน และสีไทเทเนียมธรรมชาติ ในวันที่ 22 กันยายน 2566

ราคา iPhone 15 Pro Max

ราคา iPhone 15 Pro

พรีวิว พาชมตัวเครื่อง iPhone 15 Plus สีชมพู Pink

iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ใช้เฟรมอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศมีความทนทานสูง มีการปรับดีไซน์ขอบตัวเครื่องให้มีความโค้งมนเพื่อให้จับได้สบายมือมากขึ้น ด้านหลังใช้กระจกผิวด้าน แต่งสีด้วยไอออนโลหะความละเอียดสูงเป็นพิเศษที่ช่วยให้ลงสีในกระจกได้ โดยจะมีการใช้สูตรเคมีเฉพาะสำหรับแต่ละสี จากนั้นกระจกจะถูกขัดเงาด้วยอนุภาคผลึกนาโน แล้วทำการกัดพื้นผิวเพื่อสร้างพื้นผิวด้านขึ้นมา และเช่นเคย รองรับการใช้งาน MagSafe

iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ได้ปรับมาใช้งานพอร์ต USB-C เช่นกัน แต่จะเป็น USB 2 (สูงสุด 480Mb/s) รองรับการใช้งานชาร์จ, ถ่ายโอนข้อมูล และ DisplayPort

ในรุ่นนี้ได้ปรับมาใช้ดีไซน์หน้าจอ Dynamic Island แบบเดียวกันกับ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max แล้ว โดยรุ่น Plus จะเป็นหน้าจอ Super Retina XDR จอภาพ OLED ทั้งหน้าจอ ขนาด 6.7 นิ้ว (แนวทแยง) กระจก Ceramic Shield ความละเอียด 2796 x 1290 พิกเซลที่ 460 ppi ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต (ทั่วไป) ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 1,600 นิต (HDR) และความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 2,000 นิต (กลางแจ้ง)

กล้องยังคงใช้ดีไซน์แบบกล้องคู่ ซึ่งประกอบด้วย

รองรับซูมเข้าแบบออปติคัล 2 เท่า ซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุด 10 เท่า บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps ส่วนกล้องหน้ากล้อง 12MP รูรับแสงขนาด ƒ/1.9

ด้านขุมพลังใช้ชิป A16 Bionic โดย CPU แบบ 6‑core ซึ่งมีคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ GPU แบบ 5‑core Neural Engine แบบ 16‑core

iPhone 15 หน้าจอ 6.1 นิ้ว และ iPhone 15 Plus หน้าจอ 6.7 นิ้ว จะพร้อมวางจำหน่สยใน 5 สี ได้แก่ สีชมพู สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า และสีดำ วางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 22 กันยายน มีราคาดังนี้

ราคา iPhone 15 Plus

ราคา iPhone 15

Exit mobile version