ประกาศราคากันไปแล้วสำหรับ Nokia 8.1 สมาร์ทโฟนระดับกลางจากโนเกียที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมปลายปี 2018 ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยรุ่นนี้ถือว่าเป็น Nokia X7 ที่เป็นเวอร์ชั่น Global หรือเวอร์ชั่นที่ขายทั่วโลกนั่นเอง และสำหรับรุ่นนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย
ไม่อยากอ่าน ชมวิดีโอรีวิวแบบรวบรัดกันเลย
ดีไซน์พรีเมี่ยม วัสดุดี หน้าจอคมชัด
ถึงแม้จะมีดีไซน์ไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ เท่าไรนัก แต่สำหรับรุ่นนี้มีการนำวัสดุที่ดีมาใช้งาน โดยขึ้นรูปจากอะลูมิเนียมซีรีส์ 6000 ชิ้นเดียว จึงทำให้ตัวโครงสร้างมีความแข็งแรงและทนทาน ประกอบด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ด้านหลัง ด้านหน้าใช้กระจก NEG
หน้าจอ PureDisplay ขนาด 6.18 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2246 x 1080) รองรับการแสดลผล HDR10 อัตราส่วน 18.7:9 408 ppi คอนทราสต์ 1:1500, ความสว่าง 500 nits หน้าจอมีการแสดงผลเฉดสีครอบคลุมถึง 96 เปอร์เซ็นต์
ด้วยสเปกเหล่านี้ทำให้เรามองเห็นหน้าจอได้แบบสวยงามและคมชัด ความสว่างของหน้าจอยังช่วยให้เราใช้งานกลางแจ้งได้แบบสบายๆ ส่วนการรับชมวิดีโอนั้น หากวิดีโอไหนที่เป็น HDR10 ก็ยิ่งทำให้การดูผ่านหน้าจอ Nokia 8.1 นั้นสวยงามมากขึ้น กับลำโพงเดี่ยว Smart amplifier ที่ให้เสียงออกมาดี มีมิติ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง เล่นเกม ก็รู้สึกดี หรือจะเสียบหูฟังผ่านช่องต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรก็ยังมีมาให้ หากไม่ชอบก็สามารถเชื่อมต่อหูฟังไร้ส่ยผ่าน Bluetooth 5.0 ก็ได้เช่นกัน
กล้องคู่ เลนส์ Zeiss และการถ่ายรูปด้วยระบบ AI
กล้องหลังคู่ เลนส์หลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ขนาดพิกเซล 1.4 ไมครอน และ เลนส์ชัดลึกความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มาพร้อมระบบกันสั่น OIS, EIS ปรับซีนอัตโนมัติด้วยระบบ AI รองรับ 18 สถานการณ์ เพียงแค่ยกกล้องระบบ AI ก็จะทำการประเมินและช่วยปรับสี ปรับความคมชัดตามรูปแบบของสถานการณ์ให้ ว่าเป็นภาพตึกอาคาร, บุคคล, สัตว์, ดอกไม้, อาหาร ฯลฯ และยังมีโหมดบิวตี้ให้เลือกใช้งานกับกล้องหลังกันด้วย
และยังมีโหมด Live Bokeh สำหรับการถ่ายรูปภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ เพียงแค่เลือกโหมดนี้ ยกกล้องขึ้นมา เมื่อมีคำว่า Depth success ขึ้นมาก็สามารถถ่ายรูปได้ทันที ซึ่งผลที่ได้ออกมาค่อนข้างน่าพอใจ แต่การทำหน้าชัดหลังเบลอนี้ อาจจะมีบางส่วนที่ใกล้กับวัตถุทำให้ไม่สามารถเบลอได้แบบเนียนๆ คาดว่าต่อไปทางโนเกียน่าจะมีการพัฒนาออกมาให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังมีโหมด Nokia Pro Camera มาให้ เป็นหน้าตาเมนูที่คุ้นเคยสำหรับผู้ที่เคยใช้งานสมาร์ทโฟน Nokia มาก่อน แค่ถ้าใครที่ไม่คุ้น ก็สามารถใช้งานได้ไม่ยาก เพราะตัวเมนูจะเป็นวงแหวนให้เราเลื่อนปรับได้ง่ายๆ
รูปภาพจากกล้อง
สำหรับการบันทึกวิดีโอ เป็นสิ่งที่ชื่นชอบในรุ่นนี้มากๆ โดยสามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K 30fps พร้อมระบบบันทึกเสียงทิศทาง Nokia OZO ที่ช่วยให้วิดีโอของเรามีเสียงที่มีมิติมากขึ้น แล้วตัว Nokia OZO เองยังมี AI คอยช่วยตรวจจับเสียงพูด หากเสียงพูดมา ก็จะจับเสียงพูดทันที และกันสั่น OIS, EIS แบบ 3 แกน ก็ช่วยทำให้สมูทขึ้น แม้ใช้งานบันทึกวิดีโอในขณะเดิน
เซลฟี่ หรือ VLOG ก็ชัดเจน
ด้วยกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล การนำไปเซลฟี่ หรือ ทำ VLOG รุ่นนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ การเซลฟี่ก็มีโหมดบิวตี้มาให้ หรืออยากจะทำให้หน้าชัดหลังเบลอก็มีโหมดโบเก้มาให้ด้วย ส่วนการบันทึกวิดีโอก็รองรับสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p และยังสามารถ LIVE ออก Facebook ส่วนตัว, Facebook Pages หรือ YouTube ได้
รูปภาพจากกล้อง
ถ้ามีการเปิดโหมดบิวตี้ ฉากหลังสีเขียวสีจะเพี้ยนไปนิด เหมือนเป็นการเร่งสีแดงขึ้นมาเพื่อให้ผิวอมชมพู
ระบบปฏิบัติการล่าสุด พร้อมการันตีอัพเกรด 2 ปี
มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุด Android 9 Pie กับ Stock UI ของ Google ที่มีความคลีนและเบา Nokia 8.1 เข้าร่วมโครงการ Android One การรันตีได้รับการอัพเกรดนาน 2 ปี ไปถึง Android R กันอย่างแน่นอน และมีการอัพเดตแพทช์ความปลอดภัยในทุกๆ เดือน ถือว่าการอัพเดตรวดเร็วอันดับต้นๆในหมู่สมาร์ทโฟน Android กันเลย
เล่นเกมลื่นไหล
ตัวเครื่องมาพร้อม RAM 4GB เนื้อที่จัดเก็บข้อมูล 64GB ( e-MMC 5.1) รองรับ microSD Card สูงสุด 400GB สำหรับการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 710 ที่เป็น Mobile Platform ถือเป็นรุ่นแรกที่ใช้งานชิปของ Qualcomm ในซีรีส์ 700 ซึ่งจะอยู่ระหว่างระดับกลางซีรีส์ 600 และระดับสูงซีรีส์ 800 ทำให้ดูเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่พรีเมี่ยมมากขึ้น และใช้ GPU Adreno 616 ช่วยในการประมวลผลในการเล่นเกมต่างๆ ได้อย่างไหลลื่น จากที่ลองเล่นเกม PUBG Mobile ก็สามารถปรับในระดับ HD ได้ทันที
แบตเตอรี่ 3500mAh พร้อม Quick charge 3.0
แบตเตอรี่ 3,500mAh มาพร้อมกับ Quick charge 3.0 ที่ภายในกล่องจะมีอะแดปเตอร์ 18W มาให้สำหรับการชาร์จเร็วผ่านพอร์ต USB-C ซึ่งการใช้งานเรียกได้ว่าใช้งานได้เต็มวันจริงๆ อาจจะเป็นเพราะมีฟีเจอร์ Adaptive Battery ที่ติดมาใน Android 9 Pie ช่วยในการจ่ายไฟในการใช้งานแอพพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาด แต่การเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ อาจจะทำให้ได้รับการแจ้งเตือนที่ช้าลงนิดนึง
ราคาและวันวางจำหน่าย
สีที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Steel/Copper และ Iron/Steel ราคา 13,900 บาท จัดโปรโมชั่นร่วมกับทาง Shopee เหลือ 9,900 บาท และรับ 800 coins เมื่อสั่งซื้อและกรอกโค้ด SPNK88 ในช่วงวันที่ 26 มีนาคม – 7 เมษายน 2562 นี้ เฉพาะ 500 คนแรกเท่านั้น
สรุป Nokia 8.1
จากที่ทดลองใช้งานมา 1 สัปดาห์ ชื่นชอบวัสดุตัวเครื่องที่ดูดี พรีเมี่ยมมากๆ นอกจากนี้ก็เป็นหน้าจอทีแสดงผลคมชัด การเล่นเกมก็ทำได้ดี ลื่นไหล ภาพกราฟิกสวยงาม ลำโพงเสียงดังมีมิติ
“จอชัด เครื่องสวย เกมดี”
กล้องถือว่าทำได้ดี ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่แย่ และสิ่งชอบมากที่สุดในรุ่นนี้ คือการบันทึกวิดีโอพร้อมระบบบันทึกเสียง OZO ที่ทำให้วิดีโอดูดีขึ้นมากด้วยเสียงที่มีมิติรอบทิศทาง ส่วนซอฟท์แวร์ถือว่าได้มาแบบคลีนๆ ถ้าใครที่ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายมาก Pure Android ถือว่าดีเลย แถมยังการันตีการอัพเกรดอีก 2 ปี
สเปค
หน้าจอ | 6.18 นิ้ว PureDisplay Full HD+ (2246 x 1080) อัตราส่วน 18.7:9 420ppi Corning Gorilla Glass |
หน่วยประมวลผล | Qualcomm Snapdragon 710 8 x Kryo 360 CPU 10nm manufacturing process |
GPU | Adreno 616 |
RAM | 4GB LPPDDR4x |
Storage | 64GB e-MMC 5.1 microSD Card รองรับสูงสุด 400GB |
กล้อง | กล้องหน้า: 20MP กล้องหลัก: 12MP f/1.8 aperture primary sensor 13MP depth sensor OIS + EIS Dual Hi-Cri flash |
แบตเตอรี่ | 3500mAh 18W fast charging |
ระบบเสียง | 3.5 mm headphone jack Single speaker with smart amplifier Nokia OZO surround sound capture |
การเชื่อมต่อ | LTE Cat. 6, 2CA, L+L, VoLTE, VoWiFi WiFi 802.11 b/g/n/ac Bluetooth 5.0 GPS/AGPS+GLONASS+Beidou |
IP Rating | ไม่กันน้ำ |
เซ็นเซอร์ | Ambient light sensor, Proximity sensor, Accelerometer (G-sensor), E-compass, Gyroscope, Fingerprint sensor (rear), NFC |
ซอฟท์แวร์ | Android 9 Pie Android One |
ขนาดตัวเครื่อง | 154.8 x 75.76 x 7.97 mm 180 g |
สี | Steel/Copper, Iron/Steel |
ราคา | 13,900 บาท |