พรีวิว แกะกล่อง พาชม realme 10 Pro+ 5G และ realme 10 Pro 5G สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ดีไซน์ Hyperspace สุดพรีเมียม กล้อง ProLight 108MP

พรีวิว แกะกล่อง พาชม realme 10 Pro+ 5G และ realme 10 Pro 5G สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ดีไซน์ Hyperspace สุดพรีเมียม กล้อง ProLight 108MP

realme เตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟนซีรีส์ใหม่ realme 10 Pro+ 5G ที่มาในดีไซน์ Hyperspace พร้อมขอบหน้าจอโค้ง และ realme 10 Pro 5G ในเร็วๆ นี้ และในวันนี้ The All Apps จึงไม่พลาดที่จะมาพรีวิว แกะกล่อง พาทุกท่านมาชมความสวยงามและทำความรู้จักเบื้องต้นสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นนี้ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกรีวิวการใช้งานกัน

สเปก realme 10 Pro+ 5G

แกะกล่อง ส่องอุปกรณ์

กล่องของ realme 10 Pro+ 5G ยังคงมาในสีเหลืองตัดดำตามสีอันเป็นเอกลักษณ์ของทางเรียลมี โดยมีชื่อรุ่นวางอยู่ด้านหน้ากล่อง และมีสเปกหลักๆ ของตัวเครื่องวางอยู่ด้านหลังกล่อง

เมื่อเปิดออกมาก็จะพบกับซองใส่เอกสาร โดยภายในกล่องนี้จะมาพร้อมกับเคสสีเทาแบบใสและคู่มือการใช้งานต่างๆ แน่นอนว่ามีเข็มจิ้มถาดซิมการ์ดติดมาให้ใช้งานด้วย ส่วนตัวเครื่องจะถูกใส่ซองพลาสติกขุ่นเพื่อกันรอยขีดข่วนมาอย่างดี

เมื่อนำตัวเครื่องออกมา ก็จะพบกับอุปกรณ์ที่แถมมาในชุดจัดจำหน่าย ได้แก่อะแดปเตอร์ชาร์จ SuperVOOC 67W และสายเคเบิล USB-C

realme 10 Pro+ 5G หน้าจอขอบโค้ง ดีไซน์ Hyperspace สุดพรีเมี่ยม

มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ Hyperspace ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดอุโมงค์ไฮเปอร์สเปซที่อลังการด้วยเส้นแสง 3 มิติ หากมองผ่านๆ จะมีสีเงินและมีลูกเล่นแสดงลวดลายพร้อมสีสันสวยงามเมื่อมีแสงมาตกกระทบ โดยจะเป็นลายเส้นที่พุ่งออกมาจากดีไซน์กล้องคู่เหมือนกำลังพุ่งทะยานผ่านไฮเปอร์สเปซไปข้างหน้าเพื่อสื่อถึงคามเร็วและแรง และถ้ามองเข้าไปใกล้ๆ ก็จะเห็นกริตเตอร์ที่เป็นลักษณะเหมือนดวงดาวท่ากลางไฮเปอร์สเปซเลยทีเดียว และอีกสีจะเป็น Dark Matter สีดำด้านที่มาในรูปแบบเรียบๆ ดูเข้มขึม ให้ความสวยงามอีกรูปแบบ

ซึ่งไม่เพียงแค่ดีไซน์สวยงาม แต่ realme 10 Pro+ 5G ยังมาพร้อมกับความเพรียวบาง ตัวเครื่องหนาเพียง 7.95 มม. และยังมีน้ำหนักเบา 175 กรัม สามารถหยิบจับได้สะดวก และยังถือใช้งานนานๆ โดยไม่เมื่อยมือ

realme 10 Pro+ 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 เลนส์ แต่จะเป็นดีไซน์กล้องเลนส์คู่ Twin-lens Reflex (TLR) ซึ่งประกอบไปด้วย เลนส์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75) , เลนส์มุมกว้าง Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และเลนส์ Macro ระยะ 4 ซม. ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

เป็นครั้งแรกของสมาร์ตโฟน Number Series ที่ได้นำสถาปัตยกรรม HyperShot Imaging ที่มาจากรุ่นเรือธงอย่าง GT Series โดยมีการปรับปรุงอัลกอริทึ่มการถ่ายภาพ AI และการถ่ายภาพ RAW ให้มีความความเร็วในการถ่ายภาพ 108MP ภายใน 0.6 วินาที เร็วกว่ารุ่นก่อน 5 เท่า และยังเพิ่มความความชัดเจนรวมถึงการถ่ายภาพในตอนกลางคืนหรือในที่แสงน้อยที่ทำได้ดีขึ้น และยังมาพร้อมกับ Street Photography Mode 3.0 ที่มีการเพิ่มลายน้ำสำหรับฟิลเตอร์อัจริยะนี้เข้ามา

และยังเป็นครั้งแรกกับหน้าจอขอบโค้ง 120Hz ดีไซน์ Hyperspace พร้อมกับเทคโนโลยี 2160Hz PWM Dimming หน้าจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว เจาะรูฝังกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.65% รองรับ HDR 10+ มีความสว่างสูงสุด 800 nits สู้แสงกลางแจ้งได้แบบสบายๆ พร้อมรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และยังมาพร้อมกับดีไซน์ขอบด้านข้างบางเพียง 1.41 มม. และขอบด้านล่างบาง เพียง 2.33 มม. ถือเป็นขอบด้านล่างท่ีแคบที่สุดในไทยสำหรับสมาร์ตโฟนจอโค้ง

หน้าจอยังมาพร้อมกับโหมดลดแสง PWM 2160Hz แบบอัตโนมัติ โดยจะทำงานก็ต่อเมื่ออยู่ในที่มืดหรือที่แสงน้อยความสว่างต่ำกว่า 90 นิต เพื่อรักษาสีที่แม่นยำและความสบายตามากยิ่งขึ้น พร้อมผ่านมาตรฐาน TÜV Rheinland ลดแสงสีฟ้า ปกป้องดวงตาโดยไม่ใช้เอฟเฟคส์สีเหลือง และยังเป็นครั้งแรกของโลกที่ผ่านการรับรอง Flicker free

ในด้านขุมพลังยังมาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 920 5G พร้อม RAM 12GB และมีฟีเจอร์ Dynamic RAM ที่สามารถเพิ่ม RAM ได้สูงสุด 12GB เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 256GB และยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับชาร์จไว 67W SuperVOOC ชาร์จจาก 0% ถึง 100% ภายใน 47 นาที

สเปก realme 10 Pro 5G

แกะกล่อง ส่องอุปกรณ์

กล่องของ realme 10 Pro 5G ก็มาในรูปแบบสีเหลืองตัดสีดำเหมือนกัน โดยเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับซองใส่เอกสาร ซึ่งด้านในก็จะมาพร้อมกับเคสใส, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด และเอกสารคู่มือการใช้งาน

เมื่อนำกล่องใส่เอกสารออก ก็จะพบกับตัวเครื่องวางอยู่ และเมื่อนำตัวเครื่องออกก็จะพบกับอุปกรณ์ที่มาในชุดจัดจำหน่าย ได้แก่ อะแดปเตอร์ชาร์จไว 33W SuperVOOC และสายเคเบิล USB-C

ขอบหน้าจอด้านข้างสุดบาง 1 มม. มาพร้อมดีไซน์เรียบหรู

realme 10 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.72 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz โดยเป็นหน้าจอแบนเรียบ ด้วยเทคโนโลยี TopNotch ที่รวมเซ็นเซอร์วัดแสงไว้ขอบด้านบนของกรอบตัวเครื่อง ทำให้ได้หน้าจอที่กว้างขึ้นและมีขอบด้านข้างบางพิเศษ 1 มม. ขอบด้านบน 1.15 มม. มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.76% มอบการใช้งานและรับชมคอนเทนท์ได้แบบเต็มตา และมีการเจาะรูบนหน้าจอเพื่อฝังกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และหน้าจอยังผ่านการรับรองมาตรฐานลดแสงสีฟ้าจาก TÜV Rheinland

ในรุ่นนี้ยังมีการออกแบบด้วยการใช้เทคโนโลยี RAZR วางเสาอากาศ 8 เสารอบตัวเครื่องได้อย่างครอบคลุม เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การเช่ือมต่อโดยรวม และยังลดการใช้งานพื้นที่ที่ด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่อง พร้อมกับดีไซน์ฝาหลังแบบเดียวกันกับ realme 10 Pro+ 5G ทั้งสี Hyperspace และ Dark Matter และในรุ่นนี้จะมีสี Nebula Blue เพิ่มเข้ามาอีกสี

realme 10 Pro 5G จะมาในดีไซน์ขอบเรียบแบบคลาสสิก ตัวเครื่องบาง 8.1 มม. มาพร้อมกับปุ่มสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง และมีช่องต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ด้วย รองรับพอร์ต USB-C

กล้องหลังมาแบบเลนส์คู่ ประกอบด้วยเลนส์หลัก ProLight ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75 และ เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 มาพร้อมกับสถาปัตกรรม HyperShot Imaging และ Street Photography Mode 3.0

ในด้านขุมพลังมาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G เทคโนโลยีการผลิต 6 นาโนเมตร พร้อม RAM 8GB รองรับ Dynamic RAM ที่สามารปรับเพิ่มได้สูงสุด 8GB พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 256GB แบบ UFS 2.2 รองรับหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 1TB รันระบบปฏิบัติการ realme UI 4.0 บนพื้นฐาน Android 13 มีฟีเจอร์สำหรับสายเอนเตอร์เทน 200% UltraBoom Speaker เพิ่มเสียงลำโพงสเตอริโอคู่ผ่านซอฟท์แวร์ได้ถึง 200% และพร้อมให้ใช้งานตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับชาร์จไว 33W SuperVOOC

realme 10 Pro+ 5G และ realme 10 Pro 5G จะเปิดตัวในวันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม โดยสามารถชมการถ่ายทอดสดพร้อมกันผ่านทุกช่องทางของ realme official ไม่ว่าจะเป็น Facebook Fan page : realme TH, Youtube channel : realme Thailand, TikTok : realme _Thailand ได้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป มาติดตามดูกันว่าสเปกจัดเต็มแบบนี้ จะมีราคาเปิดตัวมาแบบน่าเซอร์ไพรส์หรือไม่

Exit mobile version