เพราะว่าทุกวันนี้เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า iPad นั้นเป็นสิ่งที่กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน เหล่านักเรียนนักศึกษาต่างก็ต้องใช้จดสิ่งที่เรียน เหล่าคนทำงานก็ต้องมีไว้จดบันทึกที่ประชุมหรือจดงานอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเห็นได้เลยว่าอุปกรณ์ที่ใช้คู่กับ iPad เพื่อให้จดได้อย่างรวดเร็วก็คือ ปากกา iPad หรือก็คือ Apple Pencil นั่นเอง ซึ่งตอนนี้ก็ออกมาให้เลือกใช้งานกันแล้วถึง 2 รุ่นด้วยกัน ก็คือ Apple Pencil รุ่นที่ 1 และ รุ่นที่ 2 ซึ่งก่อนจะได้ไปดู 10 วิธีการใช้ปากกา iPad นั้นลองมาดูว่า Apple Pencil รุ่น 1 และรุ่น 2 มีสเปคเด่น ๆ อะไรบ้าง
Apple Pencil รุ่นที่ 1
- สามารถทำการจับคู่และชาร์จผ่านหัวต่อ Lightning
- ความแม่นยำสูงไปถึงระดับพิกเซล
- ไวต่อแรงกดและการเอียง
- ใช้ได้ราบรื่นไร้ความหน่วง
Apple Pencil รุ่นที่ 2
- สามารถทำการจับคู่และชาร์จแบบไร้สาย
- สามารถยึดติดกับ iPad ด้วยแม่เหล็ก
- เปลี่ยนเครื่องมือง่ายดายแค่แตะสองครั้ง
- ความแม่นยำที่ลึกไปถึงระดับพิกเซล
- ไวต่อแรงกดและการเอียง
- ไม่รู้สึกถึงความหน่วงตอนที่ใช้
เมื่อเห็นสเปคเด่นของทั้ง 2 รุ่นไปแล้วก็มาดูกันดีกว่ากับ 10 วิธีการใช้ปากกา iPad ที่จะทำให้ชีวิตสะดวกง่ายดายขึ้น
1. การจับคู่ Apple Pencil กับ iPad ที่สามารถทำได้ทันที
เมื่อซื้อของใหม่มาแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือการเชื่อมต่อกับ iPad ให้เรียบร้อย ซึ่งตัวปากกาเหล่านี้ต่างก็สามารถเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย ซึ่งวิธีการก็แทบจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากการที่เรานำหูฟังบลูทูธมาเชื่อมต่อกับ iPad เลย โดยขั้นแรกไม่ว่าจะเป็นปากการุ่นใดก็ตามให้ทำการเปิดบูลทูธที่ปากกาเสียก่อน จากนั้นใครที่มี Apple Pencil รุ่นที่ 1 ให้ทำการถอดฝาหลังของตัวปากกาออก แล้วเสียบขั้วต่อในพอร์ต Lightning ของ iPad แล้วเช็คให้ดีว่าได้ทำการเสียบอย่างแน่นหนาแล้ว และสำหรับคนที่มี Apple Pencil รุ่นที่ 2 จะต้องนำตัวปากกาไปติดเข้ากับขั้วแม่เหล็ก ที่ด้านข้างของ iPad เพียงเท่านี้เองครับ ตัว iPad ก็จะขึ้นการเชื่อมต่อมาให้เป็นอันว่าติดตั้งสำเร็จ
2. ใช้ได้เลยแม้ iPad จะล็อคอยู่
สำหรับสายจด ที่ชอบจดสิ่งต่าง ๆ ทันทีอย่างรวดเร็วจะต้องหลงรักฟีเจอร์ Quick Note คือฟีเจอร์ที่จะทำให้ตัวปากกานั้นสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอของ iPad เพียงหยิบ Apple Pencil ขึ้นมาแล้วแตะหนึ่งครั้งกับหน้าจอ โน้ตใหม่จะเปิดขึ้นมาให้ใช้งานอย่างทันทีทันใด สามารถจด เขียน วาดทุกอย่างได้ตามใจ โดยโน้ตทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในแอป Notes และสามารถเข้าไปแก้ไขได้ในภายหลังโดยปากการทั้ง 2 รุ่นสามารถทำแบบนี้ได้เช่นเดียวกัน
3. แรเงาได้เหมือนดินสอ
สำหรับนักวาดทั้งหลายที่ชื่นชอบและหลงรักในงานศิลปะแบบแรเงา จะต้องยิ้มกริ่มอย่างแน่นอนเพราะ Apple Pencil สามารถทำการแรเงางานวาดแบบดิจิทัลได้ ซึ่งวิธีทำนั้นก็ง่ายแสนง่ายเพียงแค่เอียง Apple Pencil แล้วเริ่มใช้แรงกดในแบบที่ต้องการเหมือนกับตอนจับดินสอ ซึ่งจะปรากฏเงาขึ้นในที่ที่คุณเลือกจะลงเงาอย่างง่ายดายเลยครับ ซึ่งถ้าเทียบกับการแรเงาในคอมที่เราอาจจะต้องหาเมาส์และแผ่นรองเมาส์ดี ๆ สักคู่หนึ่งมาใช้งานเพื่อได้เงาที่เราต้องการ วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ประหยัดเวลาและกำลังทรัพย์เป็นอย่างมากเลยครับ
4. การชาร์จแบตเตอรี่ที่สะดวกรวดเร็ว
แม้วิธีการนำปากกาไปชาร์จไฟตามปกติอย่างการเอาอะแดปเตอร์เสียบเข้าปลั๊กไฟจะเป็นวิธีการปกติทั่วไป แต่ว่าหากอยู่ข้างนอกบ้านแล้วเกิดแบตเตอรี่หมดขึ้นมาซึ่งไม่สามารถหาปลั๊กมาชาร์จได้ มันก็มีวิธีที่ง่ายกว่าในการชาร์จ Apple Pencil โดยถ้าเป็นปากการุ่นแรกเพียงแค่ถอดฝาหลังแล้วเสียบเข้ากับพอร์ต Lightning ของ iPad ก็จะเป็นการชาร์จแล้ว และยังให้ความเร็วในการชาร์จค่อนข้างสูงจึงไม่ต้องรอแบตเต็มเป็นเวลานาน ส่วนปากการุ่นที่ 2 กลับสะดวกมากขึ้นเพราะไม่ต้องนำไปเสียบเข้ากับ iPad แล้ว เพียงแค่เสียบเข้ากับขั้วต่อแม่เหล็กที่อยู่ด้านข้างของ iPad ปากกาก็จะเริ่มชาร์จโดยทันที
5. ดูเปอร์เซ็นแบตเตอรี่ที่เหลือง่ายนิดเดียว
หากต้องการดูว่าเปอร์เซ็นของแบตเตอรี่นั้นเหลืออยู่เท่าไหร่ ก็มีวิธีตรวจสอบอย่างง่าย ๆ เข้าไปที่การตั้งค่า เลือก Apple Pencil และตรวจสอบแบตเตอรี่ของ Apple Pencil เพียงเท่านี้ก็สามารถตรวจสอบเปอร์เซ็นของแบตเตอรี่ได้แล้ว ซึ่งวิธีนั้นก็สามารถใช้ได้กับปากกาทั้ง 2 รุ่นเลย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นแรกหรือรุ่นที่ 2 ก็เช็คได้ด้วยวิธีนี้ทั้งสิ้น
6. Quick Note
นอกจากการเรียก Quick Note ขึ้นมาตอนหน้าจอล็อคแล้ว หากเรากำลังใช้ iPad อยู่นั้นก็มีวิธีเรียกใช้งาน Quick Note ขึ้นมาอย่างรวดเร็วมากว่าการหาตามหน้าจอของ iPad ที่เราถืออยู่ ซึ่งวิธีเรียกขึ้นมานั้นก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ ปัดขึ้นจากมุมขวาล่างของ iPad เพียงเท่านี้ก็สามารถเรียกโน้ตขึ้นมาให้ได้จดบันทึกกันอย่างรวดเร็วและสะดวกสบายแล้ว ซึ่งปากการุ่นที่สามารถทำแบบนี้ได้ก็คือ Apple Pencil ทั้งสองรุ่นเลยครับ และอีกหนึ่งความเจ๋งก็คือแม้ว่าจะไม่มี Apple Pencil ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันพียงแค่นำนิ้วไปปัดขึ้นมาจากมุมขวาล่าง Quick Note ก็จะขึ้นมาให้ใช้งานแล้ว เผื่อว่าวันไหนคุณลืม้อาปากกามาจากบ้าน การทำแบบนี้ก็สามารถทำให้คุณประหยัดเวลาในการหาตัวโน้ตขึ้นมาจดแล้วล่ะครับ
7. ถ่ายภาพหน้าจอด้วย Apple Pencil
สำหรับคนที่ชอบแคปหน้าจอต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปที่ชอบ ข้อความที่โดนใจ หรือสิ่ง ๆ ต่างที่ทำให้รู้สึกว่าอยากแคปหน้าจอเก็บไว้จังเลย หากมี ปากกา iPad จะช่วยเพิ่มใความสามารถในการจับภาพหน้าจอในทุกส่วนที่อยากจะแคปเอาไว้ได้ตามที่ต้องการ และสามารถแคปได้อย่างรวดเร็วไม่ยุ่งยาก พร้อมกับการตกแต่งเพิ่มเติมได้ในทันที เพียงแค่นำปากกาปัดขึ้นจากมุมล่างซ้ายของหน้าจอ ก็จะสามารถแคปภาพนั้นได้ทันทีแล้ว ซึ่งปากกาทั้งสองรุ่นสามารถทำได้เหมือนกันหมด และการจัดเก็บก็ง่ายดายเพียงแค่กดแชร์ ภาพก็จะถูกเซฟลงไปในคลังรูปภาพให้เรียบร้อยแล้วครับ
8. เปลี่ยนลายมือเป็นข้อความทันที
Apple Pencil มีอีกหนึ่งความสามารถพิเศษที่ไม่ว่าลายมือการเขียนนั้นจะเป็นแบบไหนก็สามารถแปลงให้เป็นข้อความได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้น ซึ่งฟีเจอร์นี้มักจะเอาไว้ใช้ในเวลาที่เบื่อตอนใช้แป้นพิมพ์ ว่าง่าย ๆ ก็คือเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดอาการขี้เกียจพิมพ์ ก็เปิดโน้ต และแตะไปที่ไอคอนดินสอ แล้วเลือกเครื่องมือเขียนด้วยลายมือ แล้วลงมือเขียนไปทันที ตัว iPad จะประมวลผล และแปลงเป็นข้อความโดยอัตโนมัติ ซึ่งปากการุ่นทั้งสองรุ่นสามารถทำได้หมดเช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้นักศึกษาประหยัดเวลาในการพิมพ์รายงานอย่างมากโข หรือวัยทำงานที่ต้องเร่งรีบในการพิมพ์ผลของการประชุม ฟีเจอร์นี้เป็นตัวช่วยลดเวลาที่สะดวกอย่างมากเลยครับ
9. ย้ายข้อความระหว่าง iPad กับอุปกรณ์อื่นได้ง่ายดาย
สำหรับใครก็ตามที่มีทั้ง iPad และ iPhone สามารถย้ายข้อความได้อย่างง่ายดายไม่ต้องยุ่งยากอะไร เพียงแค่อุปกรณ์ทั้งสองนี้ใช้บัญชี Apple เดียวกันและมีการเปิดใช้งานอินเตอร์เน็ตก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายแล้ว ซึ่งวิธีนั้นก็ง่ายแสนง่ายเพียงแค่กดค้างที่หน้าจอโทรศัพท์ การแจ้งเตือนก็จะปรากฏขึ้นมาให้ใช้งาน เพื่อที่จะทำการย้ายข้อความจาก iPad ไปสู่ iPhone เพียงเท่านี้ข้อความก็จะถูกส่งไปอย่างรวดเร็วและครบถ้วนสมบูรณ์เนื้อหาไม่ตกหล่น
10. สามารถลงนามในเอกสารอย่างเป็นทางการ
สำหรับวิธีนี้เป็นการนำลายเซ็นของตัวเองเซ็นลงเอกสารเวลาต้องการเซ็นเอกสารอะไรก็ตาม โดยให้ทำการเปิดเอกสารจากไฟล์ PDF บน iPad และให้ทำการเลือกไปที่ไอคอนดินสอ พร้อมกดเครื่องหมายบวก จากด้านล่างขวาและเลือก ลายเซ็น เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างลายเซ็นของคุณขึ้นมาได้แล้ว ซึ่งสามารถที่จะปรับแต่งขนาดและสามารถกำหนดจุด หรือเคลื่อนย้ายลายเซ็นไปได้ทั่วเอกสารแล้ว โดยปากกาทั้งสองรุ่นก็สามารถทำได้เหมือนกันเลยครับ
เป็นยังไงบ้างครับกับ 10 วิธีแสนง่ายในการใช้ปากกา Apple กับ iPad จะเห็นได้ว่าเป็นวิธีที่ทำให้ประหยัดเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เยอะพอสมควร ซึ่งเวลาที่เหลือนั้นก็สามารถนำไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมายไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลงเล่นเกมก็ได้หมด ขอแอบกระซิบไว้หน่อยว่าถ้าอยากดูหนังให้เข้าถึงอารมณ์มากนั้น หูฟัง ลำโพง marshall ทกลงเปนที่นิยมด้วยคุณภาพและดีไซน์ที่เรียบหรูก็ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูหนังฟังเพลงได้อย่างมากเลยล่ะครับ