ในงาน Apple Event “Wunderlust” ได้มีการเปิดตัว iPhone 15, iPhone 15 Plus ไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของปี 2023 อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว มีดีไซน์ใหม่สวยงาม มาพร้อมกระจกแต่งสีด้านหลังตัวเครื่องที่ทนทานและขอบมนแบบใหม่ อีกทั้งยังมี Dynamic Island, กล้องหลัก 48MP พร้อมเทเลโฟโต้ 2 เท่า และ USB‑C
Apple เปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของปี 2023 ที่มาพร้อมกระจกแต่งสีด้านหลังตัวเครื่องครั้งแรกในอุตสาหกรรมที่มีผิวด้านสวยงาม และขอบมนแบบใหม่บนตัวเครื่องอะลูมิเนียม โดยทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อม Dynamic Island และระบบกล้องสุดล้ำที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้อย่างน่าอัศจรรย์ในทุกช่วงเวลาสำคัญของชีวิต กล้องหลัก 48MP ที่ทรงพลังทำให้ถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงเป็นพิเศษ และตัวเลือกเทเลโฟโต้ 2 เท่าใหม่ ที่ให้การซูมแบบออปติคัลแก่ผู้ใช้ถึง 3 ระดับ เสมือนการมีกล้องตัวที่ 3 ผลิตภัณฑ์ตระกูล iPhone 15 ยังนำเสนอภาพถ่ายบุคคลเจเนอเรชั่นถัดไป ที่ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลทำได้ง่ายขึ้นโดยเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วนและให้ประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยที่ดี นอกจากนี้ยังมีบริการช่วยเหลือบนท้องถนนผ่านดาวเทียมที่พัฒนาขึ้นบนโครงข่ายดาวเทียมที่ทันสมัยของ Apple เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจาก AAA ได้ในกรณีที่รถมีปัญหาเมื่ออยู่ในพื้นที่อับสัญญาณ เมื่อบวกกับชิป A16 Bionic ที่พิสูจน์แล้วว่าทรงพลัง ขั้วต่อ USB‑C คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับค้นหาเพื่อนๆ ของฉัน และคุณสมบัติความทนทานชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม กล่าวได้ว่านี่คือความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดของไอโฟนรุ่นล่าสุด
iPhone 15 และ iPhone 15 Plus จะพร้อมวางจำหน่ายใน 5 สีใหม่ที่สวยงามสะดุดตา ได้แก่ สีชมพู สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า และสีดำ โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 กันยายน และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 22 กันยายน
ดีไซน์ที่สวยงามและทนทานพร้อมด้วยจอภาพสุดล้ำ
มีจอภาพให้เลือกทั้งขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว1 และมาพร้อม Dynamic Island ซึ่งเป็นวิธีการโต้ตอบกับการแจ้งเตือนและกิจกรรมสดได้อย่างเหนือชั้น ประสบการณ์อันสวยงามที่ขยายออกและปรับเปลี่ยนได้อย่างไหลลื่น ทำให้ผู้ใช้เห็นเส้นทางถัดไปบนแผนที่ ควบคุมเพลงได้ง่ายดาย และยังผสานการทำงานกับแอปของบริษัทอื่นเพื่อรับสถานะอัปเดตแบบเรียลไทม์สำหรับการจัดส่งอาหาร การแชร์รถ ผลการแข่งขันกีฬา แผนการเดินทาง และอีกมากมาย จอภาพ Super Retina XDR ยังเหมาะสำหรับการรับชมคอนเทนต์ การสตรีมการออกกำลังกาย และการเล่นเกม ซึ่งตอนนี้ความสว่าง HDR สูงสุดเฉพาะจุดสว่างได้ถึง 1600 นิต ดังนั้นรูปภาพและวิดีโอ HDR จึงดูสวยงามยิ่งกว่าที่เคย และในวันที่แดดแรง ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุดขณะอยู่กลางแจ้งยังสว่างได้ถึง 2000 นิต หรือสว่างเป็น 2 เท่าของรุ่นก่อนหน้า
ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมหน้าตาโฉมใหม่ที่ดูหรูหราและสร้างมาให้ทนทานยาวนาน โดยนับเป็นครั้งแรกในสมาร์ทโฟนที่มีการแต่งสีในกระจกด้านหลังตัวเครื่องจนได้เป็น 5 สีสันที่สวยงาม กระจกด้านหลังตัวเครื่องยังได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระบวนการแลกเปลี่ยนไอออนคู่ที่ปรับปรุงใหม่ให้ดีที่สุด จากนั้นจึงขัดเงาด้วยอนุภาคผลึกนาโนและสลักลงบนผิวเพื่อสร้างพื้นผิวด้านที่ดูหรูหรา ขอบมนแบบใหม่บนตัวเครื่องอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศให้สัมผัสที่ดียิ่งขึ้นเมื่ออยู่บนมือของผู้ใช้ อีกทั้งตัวเครื่องด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ก็ยังคงมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่ากระจกไหนๆ บนสมาร์ทโฟน เมื่อรวมกับดีไซน์ที่มีความสามารถในการทนน้ำและฝุ่น2 และคุณสมบัติด้านความทนทานชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม กล่าวได้ว่า iPhone นั้นใช้งานได้ทนทานคุ้มค่ายาวนานกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใดๆ อีกทั้งดีไซน์ด้านในยังให้ประสิทธิภาพที่ยั่งยืนและทรงพลัง ทั้งยังปรับปรุงเรื่องการซ่อมแซมให้ง่ายด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตสมผลยิ่งขึ้น
กล้องทรงพลังที่เก็บทุกช่วงเวลาด้วยความละเอียดสูงเป็นพิเศษ
ระบบกล้องสุดล้ำ ช่วยเก็บช่วงเวลาในแต่ละวันและทุกความทรงจำที่น่าประทับใจ กล้องหลัก 48MP ถ่ายภาพและวิดีโอได้คมชัด เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วยเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel และมี Focus Pixels 100% ช่วยให้ออโต้โฟกัสได้รวดเร็ว นอกจากนี้กล้องหลักยังใช้ขุมพลังในการประมวลผลภาพถ่ายเชิงคำนวณ ทำให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้ด้วยค่าเริ่มต้นความละเอียดสูงเป็นพิเศษแบบใหม่ที่ 24MP ซึ่งให้คุณภาพของภาพอันน่าทึ่งด้วยขนาดไฟล์ที่เหมาะแก่การจัดเก็บและการแชร์ได้อย่างสะดวก อีกทั้งตัวเลือกเทเลโฟโต้ 2 เท่าที่ให้มาเพิ่มเติมซึ่งผสานการทำงานกันอย่างชาญฉลาดระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ยังมอบการซูมคุณภาพออปติคัลได้ถึง 3 ระดับ ได้แก่ 0.5 เท่า, 1 เท่า และ 2 เท่า นับเป็นครั้งแรกในระบบกล้องคู่ของ iPhone
ชิป A16 Bionic: ประสิทธิภาพที่พิสูจน์แล้วว่าทรงพลัง
ชิป A16 Bionic ที่เร็วและประหยัดพลังงานมอบประสิทธิภาพ โดยทำหน้าที่เป็นขุมพลังแก่ Dynamic Island รองรับการประมวลผลภาพถ่ายเชิงคำนวณ และอีกมากมาย โดย CPU แบบ 6-core มาพร้อมคอร์ประสิทธิภาพสูง 2 คอร์ ที่ใช้พลังงานน้อยลง 20% และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 4 คอร์ สามารถทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าและจัดการกับงานหนักๆ ได้ง่ายดายโดยที่ยังคงมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานเหลือเชื่อ เช่นเดียวกับ GPU แบบ 5-core ที่มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำเพิ่มขึ้น 50% เพื่อกราฟิกที่ลื่นไหลระหว่างการสตรีมวิดีโอและการเล่นเกม สำหรับ Neural Engine แบบ 16-core ใหม่นั้นก็สามารถประมวลผลได้เกือบ 17 ล้านล้านรายการต่อวินาที ทำให้การประมวลผลด้านการเรียนรู้ของระบบสำหรับคุณสมบัติต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การถอดเสียงของวอยส์เมลแบบสดใน iOS 17 และแอปของบริษัทอื่น โดยทั้งหมดทำงานภายใต้การปกป้องความเป็นส่วนตัวที่สำคัญและรองรับคุณสมบัติด้านความปลอดภัย เช่น การใช้ Secure Enclave
ความสามารถในการเชื่อมต่อที่ทรงพลัง
กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 ยังมอบวิธีชาร์จแบบใหม่ที่สะดวกกว่า รองรับการค้นหาเพื่อนในสถานที่พลุกพล่าน และให้คุณต่อติดได้ตลอดเวลาระหว่างการเดินทาง โดยทั้ง 2 รุ่นใช้ขั้วต่อ USB‑C ซึ่งเป็นมาตรฐานการชาร์จและการถ่ายโอนข้อมูลที่ได้รับการยอมรับเป็นสากล จึงใช้สายเส้นเดียวกันเพื่อชาร์จได้ทั้ง iPhone, Mac, iPad และ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ที่ได้รับการอัปเดตใหม่ ผู้ใช้ยังสามารถชาร์จ AirPods หรือ Apple Watch ได้โดยตรงจาก iPhone โดยใช้ขั้วต่อ USB‑C ด้วย3 และทั้ง 2 รุ่น ยังรองรับ MagSafe และการชาร์จแบบไร้สาย Qi2 ในอนาคต
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมชิปอัลตร้าไวด์แบนด์เจเนอเรชั่นที่ 2 ทำให้ iPhone ที่ใช้ชิปเดียวกันนี้ 2 เครื่อง เชื่อมต่อถึงกันได้ในระยะที่มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ iPhone 15 สามารถใช้คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับค้นหาเพื่อนๆ ของฉันในรูปแบบใหม่ เพื่อแชร์และค้นหาตำแหน่งของเพื่อนได้แม้ในสถานที่พลุกพล่าน ซึ่งคุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงดังกล่าวได้พัฒนาขึ้นภายใต้การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวแบบเดียวกับที่ผู้ใช้มั่นใจจากแอปค้นหาของฉัน4
iPhone 15 รุ่นต่างๆ ยังคงมอบประสบการณ์ 5G คุณภาพสูงที่เร็วสุดขั้ว5 และปรับปรุงคุณภาพเสียงในการโทร รวมถึงการโทรผ่าน FaceTime หรือแอปของบริษัทอื่นด้วย ผู้ใช้ยังจะได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นเมื่อเลือกโหมดแยกเสียง ซึ่งจะให้เสียงดังฟังชัดแม้ว่าจะอยู่ในสถานที่อันวุ่นวายก็ตาม
ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อม eSIM ซึ่งเป็นทางเลือกที่สะดวกและปลอดภัยยิ่งกว่าซิมการ์ดจริง โดยพร้อมรองรับการใช้งานแล้วจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มากกว่า 295 ราย ดังนั้นแม้ระหว่างการเดินทาง ผู้ใช้ก็ยังเชื่อมต่อออนไลน์ได้ผ่านแผนบริการสำหรับการใช้งานโรมมิ่งในต่างประเทศจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ของตนเอง หรือจะซื้อแผนบริการ eSIM แบบเติมเงินในกว่า 50 ประเทศและภูมิภาคก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย อิตาลี ไทย และอีกมากมาย
มาพร้อม iOS 17
iPhone 15 และ iPhone 15 Plus มาพร้อม iOS 176 ซึ่งทำให้ iPhone เป็นตัวคุณและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น โดยความสามารถใหม่ๆ มีดังนี้
- แอปโทรศัพท์ได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ ทั้งคุณสมบัติโปสเตอร์ของรายชื่อที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งลักษณะของตัวเองที่ปรากฏแก่คนอื่นๆ ตามรายชื่อบนเครื่อง และคุณสมบัติวอยซ์เมลแบบสดที่อาศัยขุมพลังของชิป A16 Bionic เพื่อให้ผู้ใช้เห็นข้อความจากการถอดเสียงบนอุปกรณ์แบบเรียลไทม์ในขณะที่มีคนกำลังฝากข้อความวอยซ์เมล โดยผู้ใช้ยังเลือกที่จะรับสายระหว่างที่ผู้โทรกำลังฝากข้อความได้ด้วย
- แอปข้อความมีสติกเกอร์แบบใหม่ รองรับการค้นหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถถอดเสียงจากข้อความเสียงโดยอัตโนมัติ และยังมีคุณสมบัติเช็คอินที่ผู้ใช้สามารถแจ้งเพื่อนและครอบครัวโดยอัตโนมัติเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
- NameDrop มอบวิธีใช้ AirDrop แบบใหม่เพื่อให้แชร์ข้อมูลรายชื่อได้ง่ายขึ้นเพียงแค่นำ iPhone ทั้ง 2 เครื่องมาอยู่ด้วยกัน วิธีดังกล่าวยังใช้ในการแชร์คอนเทนต์และและอีกมากมายผ่าน AirDrop ได้ด้วย
- โหมดพร้อมรอใช้งานช่วยให้ผู้ใช้เห็นข้อมูลที่เหลือบมองดูได้แบบเต็มหน้าจอในแบบที่ปรับแต่งได้เอง ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้เห็นได้จากระยะไกลเมื่อวาง iPhone ตะแคงเพื่อชาร์จ อีกทั้งยังรองรับคุณสมบัติกิจกรรมสด, Siri, สายเรียกเข้า และการแจ้งเตือนขนาดใหญ่ขึ้น จึงทำให้โหมดพร้อมรอใช้งานเหมาะทั้งสำหรับการใช้งานกับโต๊ะข้างเตียง เคาน์เตอร์ครัว หรือโต๊ะทำงาน
iOS 17 มีอัปเดตที่น่าสนใจอีกมากมาย รวมถึงแอปบันทึก7 แอปใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone ได้ทบทวนและฝึกขอบคุณเรื่องดีๆ ด้วยการจดบันทึก มีการปรับปรุงคุณสมบัติการแก้ไขโดยอัตโนมัติและการป้อนตามคำบอก การปกป้องที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับการท่องเว็บแบบส่วนตัวใน Safari รวมถึงคุณสมบัติการแชร์รหัสผ่านและพาสคีย์ด้วย iCloud Keychain การจำสัตว์เลี้ยงในแอปรูปภาพ และอีกมากมาย
ดีต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ทั้งนี้ Apple ยังคงเดินหน้าทำตามเป้าหมายปี 2030 ในการทำให้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นมีความเป็นกลางทางคาร์บอน ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการใช้งานโดยลูกค้า บริษัทให้ความสำคัญกับพลังงานไฟฟ้าสะอาดในทุกขั้นตอนตลอดซัพพลายเชน และออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุคาร์บอนต่ำอื่นๆ ปัจจุบัน iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ใช้วัสดุรีไซเคิลมากขึ้น โดยใช้แบตเตอรี่โคบอลต์ที่ผ่านการรีไซเคิล 100% และแผงวงจรหลัก สายทองแดงใน Taptic Engine รวมถึงขดลวดทองแดงในที่ชาร์จแบบเหนี่ยวนำใน MagSafe ก็ใช้ทองแดงรีไซเคิล 100% เช่นกัน โดยทั้งหมดถือเป็นครั้งแรกของ iPhone และผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 รุ่น ยังมีตัวเครื่องที่ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 75% ทั้งยังใช้แร่โลหะหายากรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กทุกชิ้น และใช้ทองรีไซเคิล 100% ในขั้วต่อ USB‑C ตลอดจนทองชุบและดีบุกบัดกรีในแผงวงจรพิมพ์หลายชิ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 เป็นไปตามมาตรฐานการประหยัดพลังงานระดับสูงของ Apple และปลอดสารปรอท, PVC และเบริลเลียม ส่วนบรรจุภัณฑ์นั้นก็ใช้เยื่อไม้เป็นหลักมากกว่า 99% จึงทำให้ Apple เข้าใกล้เป้าหมายในการเลิกใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2025 มากยิ่งขึ้น
อีกทั้งเพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อโลกให้ได้ผลยิ่งขึ้น Apple จะไม่ใช้หนังในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของ Apple อีกต่อไป ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์เสริมของ iPhone ด้วย ดังนั้น Apple จึงเปิดตัวเคสผ้า FineWoven พร้อม MagSafe และเคสผ้า FineWoven แบบกระเป๋าสตางค์พร้อม MagSafe ใหม่ที่ผลิตจากผ้าไมโครทวิลที่สวยงามทนทานและให้สัมผัสที่อ่อนนุ่มราวกับหนังนิ่ม ผ้าดังกล่าวทำจากวัสดุที่รีไซเคิลด้วยของใช้ในชีวิตประจำวัน 68% และมีการปล่อยคาร์บอนต่ำกว่าการใช้หนังอย่างมีนัยสำคัญ
ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย iPhone 15, iPhone 15 Plus
- พร้อมวางจำหน่ายในสีชมพู สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า และสีดำ โดยมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้เลือกตั้งแต่ความจุ 128GB, 256GB และ 512GB สำหรับ iPhone 15 ราคาเริ่มต้นที่ 32,900 บาท หรือ 3,290 บาท ต่อเดือน และ iPhone 15 Plus ราคาเริ่มต้นที่ 37,900 บาท หรือ 3,790 บาท ต่อเดือน ตามลำดับ12
- ลูกค้าในกว่า 40 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, สหรัฐอาหรับเอมิเรตน์, สหราชอาณาจักรสหรัฐอเมริกา และประเทศไทย จะสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่เวลา 19:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ของวันศุกร์ที่ 15 กันยายน และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 22 กันยายน
- พร้อมวางจำหน่ายในมาเก๊า, มาเลเซีย, ตุรกี, เวียดนาม และอีก 17 ประเทศและภูมิภาคอื่นๆ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 29 กันยายน
- เคสผ้า FineWoven แบบกระเป๋าสตางค์พร้อม MagSafe และเคสผ้า FineWoven พร้อม MagSafe จะพร้อมวางจำหน่ายในราคา 2,390 บาท โดยมีให้เลือก 5 สีใหม่สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 ได้แก่ สีดำ สีน้ำตาลอมเทา สีม่วงเข้มมัลเบอร์รี่ สีแปซิฟิกบลู และสีเขียวเอเวอร์กรีน นอกจากจะมีเคสใสสำหรับ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ที่พร้อมวางจำหน่ายในราคา 1,990 บาท แล้ว ยังมีเคสซิลิโคนพร้อม MagSafe ที่พร้อมวางจำหน่ายในราคา 1,990 บาท ในสีดำ สีน้ำเงินสตอร์มบลู สีเทาโคลน สีชมพูสว่าง สีชมพูกวาวา สีส้มซอร์เบ สีเขียวไซเปรส และสีวินเทอร์บลู
- iOS 17 จะพร้อมให้ใช้งานในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรีในวันจันทร์ที่ 18 กันยายน
- ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนเป็นต้นไป iCloud+ จะให้บริการ 2 แผนใหม่ ได้แก่ 6TB ในราคา 999 บาทต่อเดือน และ 12TB ในราคา 1,990 บาทต่อเดือน เพื่อให้ผู้ใช้มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากขึ้นสำหรับไฟล์ รูปภาพ วิดีโอ และยังปลอดภัย เข้าถึงได้สะดวก และแชร์ได้ง่ายดาย แผนบริการใหม่ดังกล่าวเหมาะกับผู้ใช้ที่มีคลังรูปภาพและวิดีโอขนาดใหญ่หรือผู้ที่ใช้การแชร์กันในครอบครัว อีกทั้งยังมาพร้อมคุณสมบัติระดับพรีเมียมมากมาย เช่น Private Relay, คุณสมบัติซ่อนอีเมลของฉัน, โดเมนอีเมลแบบกำหนดเอง และการรองรับคุณสมบัติวิดีโอ HomeKit เพื่อความปลอดภัย
- ลูกค้าที่ซื้อ จะได้รับ Apple Arcade ฟรีเป็นระยะเวลา 3 เดือน เมื่อมีการสมัครบริการใหม่