Apple เปิดตัว Mac Studio และ Mac Pro ใหม่ในงาน WWDC23 ซึ่งเป็น Mac สองรุ่นที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา Mac Studio มาพร้อมชิป M2 Max และ M2 Ultra ใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด และความสามารถในการเชื่อมต่อที่ดียิ่งขึ้นในดีไซน์ที่กะทัดรัดอย่างน่าทึ่ง ในขณะที่ Mac Studio เร็วขึ้นสูงสุด 6 เท่า เมื่อเทียบกับ iMac รุ่น 27 นิ้ว ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่ทรงพลังที่สุด1 และเร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า เมื่อเทียบกับ Mac Studio ที่มาพร้อมชิป M1 Ultra รุ่นก่อนหน้า2 วันนี้ Mac Pro ซึ่งมาพร้อมชิป M2 Ultra นำประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนจากชิปที่ทรงพลังที่สุดของ Apple มารวมเข้ากับความอเนกประสงค์ของช่องต่อขยาย PCIe ทำให้ Mac Pro เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel3 นอกจากนี้ Mac Studio พร้อมชิป M2 Ultra และ Mac Pro ยังมีหน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 192GB ซึ่งนำหน้าการ์ดกราฟิกระดับเวิร์กสเตชั่นที่ล้ำสมัยที่สุดไปไกล จึงสามารถรับมือกับเวิร์กโหลดหนักๆ ในระดับที่ระบบอื่นยังประมวลผลไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และ Mac Pro ใหม่ยังทำให้การเปลี่ยนมาใช้ Apple silicon ใน Mac นั้นครบสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อรวมกับระบบระดับโปรของ Apple ที่เหลือแล้ว จึงเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับโปรที่ทรงพลังและมากความสามารถที่สุดเท่าที่ Apple เคยมีมาเลยทีเดียว Mac Studio และ Mac Pro จะเปิดให้สั่งซื้อเร็วๆ นี้
“Mac Studio และ Mac Pro ใหม่ พร้อม Apple silicon เป็น Mac สองรุ่นที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างมา” John Ternus รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ของ Apple กล่าว “Mac Studio ปฏิวัติวงการสำหรับมือโปรทุกกลุ่ม และเป็นหัวใจสำคัญของสตูดิโอทั้งที่บ้านและระดับมืออาชีพหลายแสนแห่งทั่วโลก มาวันนี้ Mac Studio ดียิ่งกว่าเดิมด้วยชิป M2 Max และ M2 Ultra ใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพที่เหนือชั้นยิ่งขึ้น และความสามารถในการเชื่อมต่อที่ดีขึ้นไปอีกระดับ และสำหรับผู้ที่ต้องการความอเนกประสงค์ของการต่อขยายภายในนั้น Mac Pro ก็นำช่องเสียบ PCIe มารวมเข้ากับชิปที่ทรงพลังที่สุดของเรา เรียกได้ว่าทั้ง Mac Studio และ Mac Pro ใหม่ได้เข้ามาเสริมทัพระบบระดับโปรอื่นๆ ของเราเพื่อให้ผู้ใช้มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับโปรที่ทรงพลังและมากความสามารถที่สุดเท่าที่ Apple เคยมีให้”
Mac Studio: ขุมพลังด้านประสิทธิภาพ
Mac Studio ช่วยเสริมศักยภาพมือโปรให้สามารถสร้างสตูดิโอในฝันด้วยประสิทธิภาพระดับพลิกวงการและการเชื่อมต่อที่ครบถ้วนในรูปทรงกะทัดรัดที่วางบนโต๊ะทำงานได้สบาย และยิ่งมีชิป M2 Max และ M2 Ultra ด้วยแล้ว Mac Studio ใหม่จึงมีประสิทธิภาพสูงยิ่งกว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่สำหรับผู้ใช้ที่เปลี่ยนมาจาก Mac รุ่นเก่าๆ Mac Studio พร้อมชิป M2 Max เร็วขึ้นสูงสุด 50% เมื่อเทียบกับ Mac Studio รุ่นก่อนหน้า4 และเร็วขึ้นสูงสุด 4 เท่า เมื่อเทียบกับ iMac รุ่น 27 นิ้ว ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่ทรงพลังที่สุด1 โดยมี CPU แบบ 12-core, GPU สูงสุดแบบ 38-core และหน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 96GB พร้อมด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 400GB/s
เมื่อเทียบระหว่าง Mac Studio พร้อมชิป M1 Max และ4 Mac Studio พร้อมชิป M2 Max:
- ช่วยให้นักออกแบบกราฟิกเคลื่อนไหวที่ใช้ After Effects เรนเดอร์ได้เร็วขึ้นสูงสุด 50%
- ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปเวอร์ชั่นใหม่ด้วย Xcode ได้เร็วสุดขีดด้วยประสิทธิภาพที่เร็วขึ้นสูงสุด 25%
เมื่อเทียบ Mac Studio พร้อมชิป M1 Ultra กับ4 Mac Studio พร้อมชิป M2 Ultra:
- ช่วยให้ศิลปิน 3D ที่ใช้ Octane เรนเดอร์ได้เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า
- ช่วยให้ผู้ปรับสีที่ใช้ DaVinci Resolve เห็นผลลัพธ์จากการประมวลผลวิดีโอได้เร็วขึ้นสูงสุด 50%
Mac Studio: การเชื่อมต่อที่ดีขึ้นไปอีกระดับ
Mac Studio ซึ่งโดดเด่นด้วยการเชื่อมต่อที่หลากหลายในแบบที่เอื้อมถึงได้ง่ายสำหรับมือโปร วันนี้มาพร้อม HDMI ที่มีแบนด์วิดท์สูงขึ้น จึงสามารถแสดงผลด้วยความละเอียดสูงสุด 8K ที่อัตราเฟรม 240Hz และสำหรับ Mac Studio ที่มีชิป M2 Ultra นั้นรองรับ Pro Display XDR ได้สูงสุด 6 จอ ซึ่งมีพิกเซลรวมกันมากกว่า 100 ล้านพิกเซล ทำให้มือโปรมีพื้นที่หน้าจอเหลือเฟือสำหรับเวิร์กโฟลว์ระดับโปร อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีระบบไร้สายที่ล้ำสมัย อย่าง Wi-Fi 6E ที่มีความเร็วในการดาวน์โหลดเร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และ Bluetooth 5.3 ที่ให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม Bluetooth ล่าสุดได้ ส่วนด้านหลังของ Mac Studio นั้นมีพอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 4 พอร์ต, พอร์ต 10Gb Ethernet, พอร์ต HDMI ที่ดียิ่งขึ้น และพอร์ต USB-A จำนวน 2 พอร์ต นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB-C จำนวน 2 พอร์ตและช่องใส่การ์ด SD อยู่ด้านหน้าเพื่อความสะดวกสบายให้อิมพอร์ตรูปภาพและวิดีโอได้ง่ายๆ
Apple Silicon มาอยู่บน Mac Pro แล้ว
Mac Pro มาพร้อมประสิทธิภาพระดับพลิกวงการจากชิป M2 Ultra เสริมด้วยความอเนกประสงค์ของช่องต่อขยาย PCIe ซึ่งช่วยยกระดับเวิร์กโฟลว์หนักๆ ระดับโปรไปอีกขั้น ในขณะที่ Mac Pro รุ่นที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel เริ่มต้นด้วย CPU แบบ 8-core ซึ่งสามารถปรับแต่งให้สูงขึ้นได้ แต่วันนี้ Mac Pro ทุกเครื่องมี CPU แบบ 24-core ที่ทรงพลังที่สุดของ Apple พร้อมด้วย GPU แบบ 76-core และเริ่มต้นด้วยหน่วยความจำและตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ที่มากขึ้นสองเท่า ยิ่งกว่านั้นยังสามารถปรับแต่ง Mac Pro ใหม่ให้มีหน่วยความจำขนาดใหญ่มหึมาถึง 192GB พร้อมแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 800GB/s เรียกได้ว่ามีขนาดหน่วยความจำแซงหน้ากว่าการ์ดกราฟิกระดับเวิร์กสเตชั่นที่ล้ำสมัยที่สุดไปไกล และวันนี้ Mac Pro ทุกเครื่องยังมีประสิทธิภาพของการ์ด Afterburner อยู่ในตัว ซึ่งไม่ใช่แค่ 1 แต่มากถึง 7 อีกทั้งยังมาพร้อมมีเดียเอนจิ้นระดับชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมเหมือนกับใน Mac Studio พร้อมชิป M2 Ultra โดยทั้งสองรุ่นสามารถเล่นวิดีโอ ProRes ระดับ 8K ได้พร้อมกันถึง 22 สตรีมอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
เมื่อเทียบกับ Mac Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel แล้ว Mac Pro พร้อมชิป M2 Ultra:
- ขับเคลื่อนเวิร์กโฟลว์หนักๆ ระดับโปรในโลกของการทำงานจริงให้ทำงานได้เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า อย่างการแปลงวิดีโอและการจำลอง 3D 3
- ช่วยให้วิดีโอเอนจิเนียร์สามารถรับภาพจากกล้อง 4K จำนวน 24 ตัว มาเข้ารหัสเป็น ProRes ในแบบเรียลไทม์ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำได้บนคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวเมื่อใช้การ์ด I/O วิดีโอ 6 ตัว5
Mac Pro: ความอเนกประสงค์ของช่องต่อขยาย PCIe
Mac Pro ใหม่นำช่องต่อขยาย PCIe มาสู่ Apple silicon สำหรับมือโปรที่ต้องการประสิทธิภาพของชิป M2 Ultra และยังต้องใช้ช่องต่อขยายภายในสำหรับเวิร์กโฟลว์ของตัวเองด้วย Mac Pro ใหม่มาพร้อมช่องต่อขยาย PCIe จำนวน 7 ช่อง โดยมีช่องต่อขยายที่เปิดว่างไว้ 6 ช่อง และรองรับ Gen 4 ที่เร็วขึ้น 2 เท่า เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Mac Pro ด้วยการ์ดที่จำเป็นต่อการทำงาน ตั้งแต่มือโปรด้านเสียงที่ต้องใช้การ์ด Digital Signal Processing (DSP) หรือมือโปรด้านวิดีโอที่ต้องใช้การ์ด I/O ประเภท Serial Digital Interface (SDI) เพื่อเชื่อมต่อกับกล้องและมอนิเตอร์ระดับมืออาชีพ จนถึงผู้ใช้ที่ต้องการการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายและตัวจัดเก็บข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เรียกได้ว่า Mac Pro เปิดโอกาสให้มืออาชีพได้ปรับแต่งและขยับขยายระบบของตัวเองเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของเวิร์กโฟลว์หนักๆ
Mac Pro: การเชื่อมต่อสุดล้ำ
การเชื่อมต่อที่หลากหลายใน Mac Pro นั้นดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อมาพร้อมกับพอร์ต Thunderbolt 4 ที่มีให้มากขึ้นสองเท่าเป็น 8 พอร์ต โดยมี 6 พอร์ตอยู่ด้านหลังและ 2 พอร์ตอยู่ด้านหน้า ทำให้วันนี้ Mac Pro รองรับ Pro Display XDR สูงสุด 6 จอ อีกทั้งยังมี Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.3 ซึ่งทำให้ Mac Pro ใหม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบไร้สายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Mac Pro ยังมีพอร์ต USB-A จำนวน 3 พอร์ต, พอร์ต HDMI ที่มีแบนด์วิดท์สูงขึ้น 2 พอร์ต ซึ่งรองรับความละเอียดสูงสุด 8K และอัตราเฟรมสูงสุด 240Hz, พอร์ต 10Gb Ethernet จำนวน 2 พอร์ต และช่องต่อหูฟังที่สามารถใช้กับหูฟังที่มีค่าความต้านทานสูง
ดีต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
Mac Studio และ Mac Pro ใหม่ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม อย่างการใช้แร่โลหะหายากรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กทุกชิ้น รวมถึงการใช้ทองชุบและดีบุกบัดกรีรีไซเคิล 100% ในแผงวงจรพิมพ์หลายชิ้น และที่สำคัญทั้งสองรุ่นยังใช้พลังงานน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับเดสก์ท็อปในระดับเดียวกัน และต่ำกว่าข้อกำหนดด้านการประหยัดพลังงานของ ENERGY STAR มากกว่า 40% นอกจากนี้ Mac Studio และ Mac Pro ยังปลอดสารปรอท, PVC และเบริลเลียม ในขณะที่บรรจุภัณฑ์ใช้เยื่อไม้เป็นหลักกว่า 95%
และในวันนี้การดำเนินงานของ Apple ทั่วโลกยังมีความเป็นกลางทางคาร์บอน โดย Apple กำลังเดินหน้าเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 ซึ่งหมายความว่า Mac ทุกเครื่องที่ Apple สร้างขึ้น ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการผลิตและการใช้งานของลูกค้า จะมีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศเป็นศูนย์
macOS: ระบบปฏิบัติการบนเดสก์ท็อปที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก
Mac Studio และ Mac Pro ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจาก Apple Silicon มาพร้อมกับ macOS Ventura เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้นและยกระดับการทำงานไปอีกขั้น ด้วยคุณสมบัติอย่าง Stage Manager ที่ช่วยให้โฟกัสกับงานที่ทำอยู่และสลับไปมาระหว่างแอปและหน้าต่างได้ง่ายและเร็วยิ่งกว่าที่เคย อีกทั้งยังมีคุณสมบัติความต่อเนื่องของกล้อง, Handoff ใน FaceTime, พาสคีย์ใน Safari และแอป Freeform ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานและถ่ายทอดความคิดได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติด้านการเล่นเกมที่ทรงพลังอย่าง MetalFX Upscaling ซึ่งช่วยเร่งประสิทธิภาพในการเล่นเกมพร้อมกราฟิกที่สวยงามน่าทึ่งและยังปรับแต่งการทำงานมาอย่างลงตัวสำหรับ Apple Silicon ในขณะที่แอประดับโปรอย่าง Final Cut Pro และ Logic Pro ก็ช่วยให้ผู้ใช้จัดการกับโปรเจ็กต์ที่ซับซ้อนกว่าเดิมได้เร็วสุดๆ
macOS Sonoma ซึ่งจะพร้อมใช้งานภายในปีนี้ เพิ่มคุณสมบัติและเครื่องมือด้านการทำงานอันทรงพลังที่จะปลดล็อควิธีใหม่ๆ ในการทำหลายสิ่งหลายอย่างบน Mac เริ่มจากคุณสมบัติด้านการประชุมวิดีโอทางวิดีโอแบบไดนามิกอย่าง Presenter Overlay ที่จะทำให้ผู้ใช้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นขณะนำเสนอผลงานในวิดีโอคอลโดยการแสดงผู้นำเสนออยู่ด้านบนของคอนเทนต์ที่กำลังแชร์ และ macOS Sonoma ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ทำงานในเวิร์กโฟลว์ระดับโปรที่ผสมผสานกันระหว่างในสตูดิโอและจากระยะไกลได้ โดยการนำโหมดประสิทธิภาพสูงใหม่มาอยู่ในแอป Screen Sharing ซึ่งใช้ประโยชน์จากมีเดียเอนจิ้นสุดล้ำใน Apple Silicon เพื่อให้การเข้าใช้จากระยะไกลเป็นไปอย่างรวดเร็วทันใจ พร้อมด้วยสัญญาณเสียงที่มีความหน่วงต่ำ อัตราเฟรมที่สูง และรองรับสีสันระดับที่ใช้อ้างอิงได้ นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถวางวิดเจ็ตไว้บนเดสก์ท็อป โต้ตอบกับวิดเจ็ตได้เพียงแค่คลิก และใช้วิดเจ็ต iPhone ขณะทำงานได้โดยอาศัยความมหัศจรรย์ของคุณสมบัติความต่อเนื่อง และวันนี้ยังทำสิ่งที่ทรงพลังได้ง่ายๆ จากวิดเจ็ตบนเดสก์ท็อปอย่างการสั่งให้คำสั่งลัดทำงาน ส่วน Safari ก็ได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่เพื่อยกระดับการทำงานบนเว็บไปอีกขั้นด้วยโปรไฟล์ ซึ่งจะช่วยแยกการท่องเว็บในหลายๆ เรื่องหรือโปรเจ็กต์ออกจากกัน รวมถึงแอปบนเว็บสำหรับ Mac ซึ่งจะช่วยให้เปิดเว็บไซต์โปรดได้เร็วขึ้น
ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย
- Mac Studio และ Mac Pro ใหม่พร้อมให้สั่งซื้อเร็วๆ นี้ทาง apple.com/th/store และในแอป Apple Store
- Mac Studio วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 74,900 บาท และราคาส่งเสริมการศึกษาเริ่มต้นที่ 67,400 บาท นอกจากนี้ยังสามารถดูตัวเลือกในการปรับแต่งตามความต้องการได้ที่ apple.com/th/store
- Mac Pro ซึ่งมีจำหน่ายทั้งในแบบทาวเวอร์และยึดกับแร็ค มีราคาเริ่มต้น (สำหรับตัวเครื่องแบบทาวเวอร์) ที่249,900 บาท และราคาส่งเสริมการศึกษาเริ่มต้นที่ 235,600 บาท ในขณะที่ Mac Pro (ตัวเครื่องแบบแร็ค) มีราคาเริ่มต้นที่ 269,900 บาท และราคาส่งเสริมการศึกษาเริ่มต้นที่ 251,900 บาท นอกจากนี้ยังสามารถดูข้อมูลทางเทคนิคและตัวเลือกในการปรับแต่งตามความต้องการได้ที่ apple.com/th/mac-pro
- ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Studio Display, Pro Display XDR และอุปกรณ์เสริมตระกูล Magic ได้ที่ apple.com/th/shop/buy-mac
- ลูกค้าทุกท่านที่ซื้อ Mac จาก Apple สามารถเข้าร่วม Online Personal Session ฟรีกับ Apple Specialist, รับบริการตั้งค่าผลิตภัณฑ์ที่ร้านหลายสาขา รวมถึงความช่วยเหลือในการถ่ายโอนข้อมูล และคำแนะนำเกี่ยวกับการปรับแต่ง Mac เครื่องใหม่ให้ทำงานอย่างที่ต้องการ
- AppleCare+ สำหรับ Mac มอบบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคและความคุ้มครองด้านฮาร์ดแวร์จาก Apple เพิ่มเติม รวมทั้งความคุ้มครองด้านความเสียหายจากอุบัติเหตุไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยแต่ละครั้งมีค่าธรรมเนียมการให้บริการ