หลังจากที่เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ทาง Apple ก็ได้เตรียมวางจำหน่าย iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max อย่างเป็นทางการในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ และในวันนี้ iPhone 13 สี Midnight เครื่องศูนย์ไทยก็มาอยู่ในมือ The All Apps แล้ว ก็เลยนำแกะกล่อง พรีวิว มาฝาก สำหรับไอโฟนรุ่นใหม่นี้จะเป็นอย่างไร มาติดตามกัน
สเปค iPhone 13
- ตัวเครื่อง 146.7 x 71.5 x 7.65 มม.
- น้ำหนัก 173 กรัม
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว จอภาพ Super Retina XDR ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซลที่ 460 ppi ความสว่างสูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR)
- กระจก Ceramic Shield
- ชิปประมวลผล Apple A15 Bionic CPU แบบ 6‑core GPU แบบ 4‑core
- ความจุ 128GB, 256GB และ 512GB
- ระบบปฏิบัติการ iOS 15
- ระบบกล้องคู่ ความละเอียด 12MP: กล้องไวด์ รูรับแสงขนาด ƒ/1.6 อัลตร้าไวด์ รูรับแสงขนาด ƒ/2.4 และมุมมองภาพ 120°, ซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 5 เท่า
- คุณสมบัติ “สไตล์ภาพถ่าย”
- โหมดภาพยนตร์สำหรับการบันทึกวิดีโอที่มีมิติความชัดตื้น (Cinematic) ระดับ 1080p ที่ 30 fps
- กล้องหน้า True Depth ความละเอียด 12MP รูรับแสงขนาด ƒ/2.2
- การทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ตามมาตรฐาน IEC 60529
- ความปลอดภัย Face ID
- การเชื่อมต่อ 5G (sub‑6 GHz), Gigabit LTE พร้อม MIMO แบบ 4×4 และ LAA, Wi‑Fi 6 (มาตรฐาน 802.11ax) พร้อม MIMO แบบ 2×2, Bluetooth 5.0, ชิปอัลตร้าไวด์แบนด์, NFC
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า iPhone 12 ถึง 2.5 ชั่วโมง ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาทีด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20 วัตต์ หรือสูงกว่า, ชาร์จแบบไร้สายในแบบ MagSafe สูงสุด 15 วัตต์, ชาร์จแบบไร้สายในแบบ Qi สูงสุด 7.5 วัตต์
- มี 5 สีให้เลือก ได้แก่ สตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน, ชมพู และสีแดง PRODUCT(RED)
- ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท
แกะกล่อง ส่องอุปกรณ์
ตัวกล่องของ iPhone 13 ยังคงมาในรูปแบบแบนและบาง เนื่องจากปีที่แล้ว Apple ต้องการลดคาร์บอนลงเพื่อลดโลกร้อน รักษ์โลกมากขึ้น จึงมีการตัดสินใจนำอะแดปเตอร์และชุดหูฟังออกจากกล่องชุดจัดจำหน่าย ทำให้ตัวกล่องบางลง ขนส่งต่อเที่ยวได้มากขึ้น ลดมลพิษทางขนส่งลงและยังลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงอีกด้วย โดยตัวกล่องมาในสีขาวพร้อมกับรูปด้านหลังตัวเครื่องที่แสดงเป็นสีของตัวเครื่อง พร้อมกับโลโก้ Apple และ ตัวอักษร iPhone ก็จะมาเป็นสีเดียวกันกับตัวเครื่องด้วยเช่นกัน
ในปี 2021 นี้ ทาง Apple ก็ได้ปรับเปลี่ยนการซีลของกล่องใหม่อีกครั้ง โดยยกเลิกการซีลกล่องด้วยพลาสติกใสภายนอกกล่อง และเปลี่ยนมาใช้แถบกระดาษกาวด้านบนและด้านล่างกล่อง ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้กระดาษกาวนี้ ทาง Apple บอกว่าช่วยลดการใช้พลาสติกได้มากถึง 600 เมตริกตัน และถ้าสภาพกระดาษถูกฉีกขาดมา หรือติดไม่ตรง ให้สงสัยก่อนเลยว่ากล่องอาจจะถูกแกะมาแล้ว ถ้าให้ดีก็ซื้อจาก Apple หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะดีที่สุด
สำหรับเครื่องศูนย์ไทยจะมาพร้อมรายละเอียดตัวเครื่องและอุปกรณ์ที่อยูในชุดจัดจำหน่ายที่เป็นภาษาไทยอยู่ด้านหลังกล่อง พร้อมกับบอกรายละเอียดสีและความจุอีกด้วย
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับตัวเครื่องวางคว่ำหน้าอยู่ สามารถดึงตัวเครื่องออกจากกล่องได้ง่ายด้วยลิ้นกระดาษที่ยื่นออกมา โดยกระดาษนี้จะเป็นแผ่นป้องกันรอยหน้าจอนั่นเอง
ภายในก็จะพบกับเอกสารต่างๆ ได้แก่ คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น การรับประกัน และ เอกสารยืนยันว่าผ่านการรับรองจาก กสทช. และยังคงมีสติ๊กเกอร์ Apple สีขาวมาให้ 1 แผ่น พร้อมกับเข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
อย่างที่ทราบกันดีว่าจะไม่มีอุปกรณ์ชาร์จ หรือ Power Adapter แถมมาให้ ตามนโยบายลดโลกร้อนของ Apple ที่เริ่มมาตั้งแต่ไอโฟนรุ่นก่อนหน้า แต่ยังมีสายชาร์จ USB‑C to Lightning มาให้ใช้งาน
Apple วางเป้าหมายเลิกใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2025 และลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจภายในปี 2030 ด้วยการดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลก ให้มีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วน การประกอบ การขนส่ง การใช้งานของเจ้าของอุปกรณ์ การชาร์จ จนถึงการรีไซเคิล และการคัดแยกวัสดุ
ดีไซน์คล้ายเดิม แต่ตัวเครื่องหนาขึ้นเล็กน้อย และกรอบเลนส์ใหญ่ขึ้น
iPhone 13 ยังคงมีดีไซน์ที่คล้ายกับ iPhone 12 โดยจะมาดีไซน์ขอบตัวเครื่องเรียบแบน ใช้วัสดุอะลูมิเนียมเช่นเคย มาพร้อมหน้าจอที่สว่างขึ้น โดยใช้จอภาพ OLED ที่ทาง Apple เรียกว่าหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว มีขนาดตัวเครื่องที่ใกล้เคียงเดิม โดยมีส่วนสูง 146.7 มม. และกว้าง 71.5 มม. เท่า iPhone 12 รุ่นก่อนหน้า แต่ในรุ่นใหม่นี้จะมีความหนาตัวเครื่องเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีความหนาเป็น 7.65 มม. จากเดิมหนา 7.4 มม.
หน้าจอของ iPhone 13 ยังคงใช้ Ceramic Shield ที่ทาง Apple เคลมว่ามีความแข็งแกร่งทนทานกว่ากระจกทั่วไป มาปกป้องหน้าจอ พร้อมความ สามารถทนน้ำได้สูงสุด 6 เมตร นาน 30 นาที และยังสามารถทนต่อ ของเหลวที่หกใส่ได้ ทั้งกาแฟ ชา น้ำอัดลม และอีกมากมาย
นอกจากนี้รอยบากของ iPhone 13 ยังเล็กลง 20% เนื่องจากมีการปรับโมดูลระบบกล้องด้านหน้าใหม่ และมีการย้ายลำโพงไปไว้ชิดกับขอบหน้าจอมากขึ้น จากเดิมลำโพงจะอยู่กึ่งกลางรอยบาก
กระจกด้านหลังได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วย กระบวนการแลกเปลี่ยนไอออนคู่ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ และสำหรับเครื่องที่เห็นนี้ จะเป็นสีดำ Midnight ซึ่ง iPhone 13 จะมาด้วยกันทั้งหมด 5 สีสวยงาม
กล้องหลังคู่ มีการปรับดีไซน์ใหม่ จัดวางเลนส์ไวด์และอัลตร้าไวด์ในแนวทะแยง มีความละเอียด 12MP ทั้งคู่ โดยกล้องไวด์ได้มีการเพิ่มขนาดเซ็นเซอร์ให้ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว มีพิกเซลขนาด 1.7μm และรวมแสงได้มากขึ้น ถึง 47% เพื่อให้ได้ภาพที่มีนอยซ์ลดลงและสว่างมากขึ้น และนำระบบ OIS ที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์เป็นเทคโนโลยีที่อยู่ใน iPhone 12 Pro Max มาใช้งานใน iPhone 13 ด้วย ส่วนกล้องอัลตร้าไวด์นั้นก็มีรูรับแสงขนาด ƒ/2.4 และมุมมองภาพ 120° ใช้เซ็นเซอร์ตัวใหม่ทำให้ส่วนที่มืดแสดงรายละเอียดได้ มากขึ้นโดยที่มีนอยซ์ลดลง
ตำแน่งของพอร์ตและปุ่มต่างๆ ยังวางไว้เหมือนเดิม โดยมีปุ่มเปิด/ปิดเสียง, ปุ่มเพิ่ม/ลดระดับเสียง พร้อมช่องใส่ถาดซิมการ์ดวางอยู่ทางด้านซ้ายของตัวเครื่อง และปุ่มล็อค/ปลดล็อค วางอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่อง
ด้านล่างจะมีไมโครโฟนที่ประกบด้านข้างพอร์ต Lightning และถัดไปจะเป็นลำโพงสเตอริโอ
ดีไซน์โดยรวมของ iPhone 13 ยังให้อารมณ์คล้ายเดิม มีความเรียบหรู สวยงาม ให้สัมผัสตัวเครื่องที่ดี แต่ตัวเครื่องหนาและหนักขึ้นเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถใช้งานเคสของ iPhone 12 ร่วมกันได้
จุดเด่นของ iPhone 13
iPhone 13 มาพร้อมกับชิปใหม่ล่าสุด Apple A15 Bionic พร้อมกับเซ็นเซอร์กล้องใหม่ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานถ่ายภาพในโหมด Photographic Styles (สไตล์ภาพถ่าย) และ การบันทึกวิดีโอในรูปแบบ Cinematic (โหมดภาพยนตร์) จะนำโบเก้ที่สวยงามและโฟกัสแบบแร็คมารวมไว้ใน วิดีโอเพื่อการถ่ายทอดเรื่องราวที่สมจริงยิ่งขึ้น แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น กว่า iPhone 12 สูงสุด 2.5 ชั่วโมง
สำหรับการใช้งานจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวไว้ขอใช้งานสักพักก่อน แล้วจะกลับมารีวิว
ราคาและการวางจำหน่าย
Apple จะวางจำหน่าย iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
ราคา iPhone 13 mini
- ความจุ 128GB ราคา 25,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 29,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 37,900 บาท
ราคา iPhone 13
- ความจุ 128GB ราคา 29,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 33,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 41,900 บาท
ราคา iPhone 13 Pro
- ความจุ 128GB ราคา 38,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 42,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 50,900 บาท
- ความจุ 1TB ราคา 58,900 บาท
ราคา iPhone 13 Pro Max
- ความจุ 128GB ราคา 42,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 46,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 54,900 บาท
- ความจุ 1TB ราคา 62,900 บาท