วันนี้ Apple ประกาศเปิดตัว MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ใหม่ที่มาพร้อมซิลิคอนระดับโปรเจเนอเรชั่นถัดไปของ Apple อย่างชิป M2 Pro และ M2 Max ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพที่ยังคงประหยัดพลังงานและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สำหรับผู้ใช้ระดับโปร ชิป M2 Pro และ M2 Max ซึ่งเป็นชิปที่ทรงพลังและประหยัดพลังงานที่สุดในโลกสำหรับแล็ปท็อประดับโปร ช่วยให้ MacBook Pro สามารถจัดการกับงานหนักๆ อย่างการเรนเดอร์เอฟเฟ็กต์ได้เร็วขึ้นสูงสุด 6 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และปรับแก้สีได้เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า1 ยิ่งกว่านั้นวันนี้ MacBook Pro ยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 22 ชั่วโมง เรียกได้ว่านานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Mac จากจุดเด่นเรื่องการประหยัดพลังงานในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนของ Apple Silicon2 ส่วนการเชื่อมต่อก็ดียิ่งขึ้นเช่นกัน เพราะ MacBook Pro ใหม่รองรับ Wi-Fi 6E3 ซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าสูงสุด 2 เท่า รวมถึง HDMI ขั้นสูงที่รองรับจอภาพระดับ 8K เป็นครั้งแรก ในขณะที่รุ่นชิป M2 Max รองรับหน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 96GB ช่วยให้นักสร้างสรรค์สามารถทำงานกับฉากขนาดใหญ่ๆ ในระดับที่แล็ปท็อป PC ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ4 และอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ไม่มีใครเทียบได้ของ MacBook Pro ก็คือจอภาพ Liquid Retina XDR ที่ขึ้นชื่อ, การเชื่อมต่อที่หลากหลาย, กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p, ระบบเสียง 6 ลำโพง และไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอ ยิ่งเมื่อใช้งานกับ macOS Ventura ด้วยแล้ว ประสบการณ์ที่ผู้ใช้ MacBook Pro จะได้รับนั้นจึงยากที่จะหาใครเทียบ
“MacBook Pro พร้อม Apple Silicon ได้เข้ามาปฏิวัติวงการ เสริมศักยภาพให้มือโปรสามารถพาเวิร์กโฟลว์ของตัวเองไปสู่อีกระดับในระหว่างเดินทางและทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้บนแล็ปท็อป” Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าว “มาวันนี้ MacBook Pro ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยประสิทธิภาพที่เร็วกว่า การเชื่อมต่อที่ดีขึ้นไปอีกขั้น และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Mac รวมถึงจอภาพที่ดีที่สุดในแล็ปท็อป เรียกได้ว่าแตกต่างไม่มีใครเหมือน”
ประสิทธิภาพที่ยังคงประหยัดพลังงานในแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ด้วยชิป M2 Pro และ M2 Max
MacBook Pro ที่มาพร้อมชิป M2 Pro และ M2 Max สามารถพลิกโฉมเวิร์กโฟลว์ระดับโปรสำหรับหลากหลายวงการ ตั้งแต่ศิลปะ วิทยาศาสตร์ จนถึงการพัฒนาแอป โดยผู้ใช้ที่อัปเกรดจาก Mac รุ่นที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel จะสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงประสิทธิภาพ ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ การเชื่อมต่อ และความสามารถด้านการทำงานโดยรวมที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก และ MacBook Pro ยังคงประสิทธิภาพในระดับเดิมไม่ว่าผู้ใช้จะเสียบปลั๊กหรือใช้แบตเตอรี่ก็ตาม
MacBook Pro พร้อมชิป M2 Pro มี CPU แบบ 10-core หรือ 12-core ที่ประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูง 8 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 4 คอร์ จึงมีประสิทธิภาพสูงกว่าชิป M1 Pro ถึง 20% พร้อมด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำแบบรวม 200GB/s ซึ่งมากกว่าในชิป M2 ถึง 2 เท่า และหน่วยความจำแบบรวมขนาดสูงสุด 32GB เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับมือกับโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่และใช้งานแอประดับโปรหลายแอปด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง ในขณะที่ GPU เจเนอเรชั่นถัดไปที่มีสูงสุด 19 คอร์นั้นก็มีประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นสูงสุด 30% ส่วน Neural Engine ก็เร็วขึ้น 40% ช่วยเพิ่มความเร็วให้กับงานด้านการเรียนรู้ของระบบ อย่างการวิเคราะห์วิดีโอและการประมวลผลภาพ นอกจากนี้ชิป M2 Pro ยังมาพร้อมมีเดียเอนจิ้นอันทรงพลังที่สามารถจัดการกับ Codec วิดีโอยอดนิยมได้สบาย จึงเพิ่มความเร็วในการเล่นและเข้ารหัสวิดีโอได้อย่างมากโดยที่ใช้พลังงานเพียงนิดเดียว
ประสิทธิภาพของ MacBook Pro พร้อมชิป M2 Pro
- การเรนเดอร์ไตเติ้ลและแอนิเมชั่นใน Motion เร็วขึ้นสูงสุด 80%1 เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 20%5 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
- การคอมไพล์ใน Xcode เร็วขึ้นสูงสุด 2.5 เท่า1 เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นเกือบ 25%5 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
- การประมวลผลภาพใน Adobe Photoshop เร็วขึ้นสูงสุด 80%1 เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 40%5 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
MacBook Pro พร้อมชิป M2 Max สามารถยกระดับเวิร์กโฟลว์ไปสุดขั้วด้วย GPU ที่ใหญ่ขึ้นมากโดยมีจำนวนคอร์สูงสุด 38 คอร์ และมีประสิทธิภาพกราฟิกสูงกว่าชิป M1 Max สูงสุด 30% แถมยังมีแบนด์วิดท์หน่วยความจำแบบรวม 400GB/s หรือสูงกว่าชิป M2 Pro ถึงสองเท่า และด้วยหน่วยความจำแบบรวมที่มีขนาดสูงสุดถึง 96GB นั้น MacBook Pro จึงสามารถทลายขีดจำกัดด้านหน่วยความจำกราฟิกในแล็ปท็อปได้อีกครั้งเพื่อทำให้เวิร์กโหลดด้านกราฟิกที่หนักๆ กลายเป็นจริงได้ อย่างการสร้างฉากที่มีรายละเอียดและเรขาคณิต 3D ซับซ้อนสุดๆ หรือการรวมภาพถ่ายพาโนรามาขนาดมหึมาเข้าด้วยกัน ส่วนชิป M2 Max นั้นมี CPU แบบ 12-core เจเนอเรชั่นถัดไปที่ประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูง 8 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 4 คอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าชิป M1 Max สูงสุด 20% และมาพร้อมมีเดียเอนจิ้นที่ทรงพลังกว่าชิป M2 Pro โดยมีการเร่งความเร็ว ProRes ที่ดีกว่าเดิม 2 เท่า ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วให้กับการเล่นและแปลงสื่อได้อย่างชัดเจน
ประสิทธิภาพของ MacBook Pro พร้อมชิป M2 Max
- การเรนเดอร์เอฟเฟ็กต์ใน Cinema 4D เร็วขึ้นสูงสุด 6 เท่า1 เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 30%6 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
- การปรับแก้สีใน DaVinci Resolve เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า1 เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 30%6 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
การเชื่อมต่อที่ดียิ่งกว่าเดิม
วันนี้ MacBook Pro มาพร้อม Wi-Fi 6E3 เพื่อการเชื่อมต่อไร้สายที่เร็วขึ้น รวมถึง HDMI ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้นเพื่อรองรับจอภาพระดับ 8K สูงสุด 60Hz และจอภาพระดับ 4K สูงสุด 240Hz โดยที่ความสามารถใหม่ๆ เหล่านี้มีพื้นฐานอยู่บนทางเลือกในการเชื่อมต่อที่หลากหลายซึ่งมีอยู่แล้วใน MacBook Pro อย่างพอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 3 พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงความเร็วสูง รวมถึงช่องใส่การ์ด SDXC และ MagSafe 3 สำหรับชาร์จ
macOS Ventura
เมื่อใช้งานกับ macOS Ventura แล้ว MacBook Pro ก็จะมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นไปอีกและช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการอัปเดตที่ทรงพลังอย่างความต่อเนื่องของกล้องที่นำคุณสมบัติสำหรับการประชุมแบบวิดีโอมาอยู่บน Mac ทุกเครื่อง รวมถึงมุมมองด้านหน้าโต๊ะ จัดให้อยู่ตรงกลาง แสงไฟสตูดิโอ และอีกมากมาย ขณะที่ Handoff ใน FaceTime ก็ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มโทร FaceTime บน iPhone หรือ iPad แล้วส่งต่อมาที่ Mac หรือกลับกันได้แบบไม่มีสะดุด และยังมีเครื่องมืออย่างตัวจัดการให้อยู่ตรงกลาง หรือ Stage Manager ที่จะจัดระเบียบแอปและหน้าต่างโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ใช้จดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ได้เต็มที่โดยที่ยังคงมองเห็นทุกอย่างได้เพียงแค่เหลือบมอง
แอปข้อความและเมลดียิ่งกว่าที่เคย ในขณะที่ Safari ซึ่งเป็นเบราว์เซอร์ที่เร็วที่สุดในโลกบน Mac นั้น ก็ก้าวล้ำเข้าสู่อนาคตแบบไร้รหัสผ่านด้วยพาสคีย์ นอกจากนี้ยังมีคลังรูปภาพ iCloud ที่แชร์ ซึ่งให้ผู้ใช้สร้างและแชร์คลังรูปภาพแยกอีกคลังในกลุ่มสมาชิกครอบครัวได้สูงสุด 6 คน และมีแอป Freeform ใหม่เป็นผืนผ้าใบที่ยืดหยุ่นที่ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานและถ่ายทอดความคิดได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะวางแผนหรือระดมความคิดด้วยตัวเองหรือร่วมกับคนอื่น ส่วนการเล่นเกมบน Mac ก็ดียิ่งกว่าที่เคยจากขุมพลังและความนิยมของ Apple Silicon และเครื่องมือใหม่ๆ สำหรับนักพัฒนาใน Metal 3
MacBook Pro กับสิ่งแวดล้อม
MacBook Pro ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งรวมถึงการใช้วัสดุรีไซเคิล 100% ดังต่อไปนี้ ได้แก่ อะลูมิเนียมในตัวเครื่อง แร่โลหะหายากในแม่เหล็กทั้งหมด ดีบุกในบัดกรีของแผงวงจรหลัก และทองคำในการเคลือบแผงวงจรพิมพ์หลายชิ้น ยิ่งกว่านั้นยังใช้พลาสติกรีไซเคิล 35% หรือมากกว่าในส่วนประกอบหลายชิ้นและตรงตามมาตรฐานระดับสูงของ Apple ด้านการประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ MacBook Pro ยังปลอดสารอันตรายหลายชนิด และบรรจุภัณฑ์ 97% ใช้เยื่อไม้เป็นหลัก จึงทำให้ Apple เข้าใกล้เป้าหมายของบริษัทมากยิ่งขึ้น นั่นคือการเลิกใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2025
วันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 เราวางแผนที่จะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องที่จำหน่ายจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อสภาพภูมิอากาศ ตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วน การประกอบ การขนส่ง การใช้งานของลูกค้า การชาร์จ ตลอดจนการรีไซเคิลและการคัดแยกวัสดุ
ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย
- MacBook Pro รุ่น 14 นิ้วใหม่พร้อมชิป M2 Pro มีราคาเริ่มต้นที่ 73,900 บาท และ 68,400 บาท สำหรับราคาส่งเสริมการศึกษา ส่วน MacBook Pro รุ่น 16 นิ้วใหม่พร้อมชิป M2 Pro มีราคาเริ่มต้นที่ 89,900 บาท และ 82,700 บาท สำหรับราคาส่งเสริมการศึกษา ดูข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติม ตัวเลือกในการปรับแต่งตามความต้องการ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ที่ apple.com/th/mac
- ลูกค้าทุกท่านที่ซื้อ Mac จาก Apple สามารถเข้าร่วม Online Personal Session ฟรีกับ Apple Specialist, รับบริการตั้งค่าผลิตภัณฑ์ที่ร้านหลายสาขา รวมถึงความช่วยเหลือในการถ่ายโอนข้อมูล และคำแนะนำเกี่ยวกับการปรับแต่ง Mac เครื่องใหม่ให้ทำงานอย่างที่ต้องการ
- AppleCare+ สำหรับ Mac มอบบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคและความคุ้มครองด้านฮาร์ดแวร์จาก Apple เพิ่มเติม รวมทั้งความคุ้มครองด้านความเสียหายจากอุบัติเหตุแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยแต่ละครั้งมีค่าธรรมเนียมการให้บริการ