Apple เตรียมวางจำหน่าย iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมเป็นต้นไป ในวันนี้ The All Apps ก็มีแกะกล่อง พรีวิว iPhone 13 Pro Max สี Graphite เครื่องศูนย์ไทย มาฝากเพื่อนๆ จะสวยงามแค่ไหน มาชมกันครับ
สเปค iPhone 13 Pro Max
- ตัวเครื่อง 160.8 x 78.1 x 7.65 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 238 กรัม
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว จอภาพ Super Retina XDR พร้อม ProMotion ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซลที่ 458 ppi ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR)
- กระจก Ceramic Shield
- ชิปประมวลผล A15 Bionic CPU แบบ 6‑core GPU แบบ 5‑core Neural Engine แบบ 16‑core
- ความจุ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB
- ระบบปฏิบัติการ iOS 15
- กล้องหลัง 3 ตัว กล้องเทเลโฟโต้: รูรับแสงขนาด ƒ/2.8, กล้องไวด์: รูรับแสงขนาด ƒ/1.5 และกล้องอัลตร้าไวด์: รูรับแสงขนาด ƒ/1.8 และมุมมองภาพ 120° พร้อม LiDAR Scanner
- กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
- คุณสมบัติ “สไตล์ภาพถ่าย”
- โหมดภาพยนตร์สำหรับการบันทึกวิดีโอที่มีมิติความชัดตื้น (Cinematic) ระดับ 1080p ที่ 30 fps
- การทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ตามมาตรฐาน IEC 60529
- ความปลอดภัย Face ID
- การเชื่อมต่อ 5G (sub‑6 GHz), Gigabit LTE, Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.0, Ultra Wideband, NFC, Lightning
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า iPhone 12 Pro Max ถึง 2.5 ชั่วโมง ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาทีด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20 วัตต์ หรือสูงกว่า, ชาร์จแบบไร้สายในแบบ MagSafe สูงสุด 15 วัตต์, ชาร์จแบบไร้สายในแบบ Qi สูงสุด 7.5 วัตต์
- มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ กราไฟต์, ทอง, เงิน และสีใหม่ เซียร์ร่าบลู
- ราคาเริ่มต้น 42,900 บาท
แกะกล่อง ส่องอุปกรณ์ iPhone 13 Pro Max สีเทา Graphite
กล่องของ iPhone 13 Pro Max ยังคงมาในกล่องสีดำและแบนเหมือนกับ iPhone 12 Pro Max ที่ตัดอะแดปเตอร์และชุดหูฟังออกเพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และลดขนาดกล่องเพื่อดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ โดยมีรูปด้านหลังตัวเครื่องวางอยู่ด้านหน้ากล่อง ซึ่งจะเป็นสีเดียวกันกับตัวเครื่องที่อยู่ด้านใน พร้อมกับโลโก้ Apple และ ตัวอักษร iPhone ก็จะมาเป็นสีเดียวกันกับตัวเครื่องด้วยเช่นกัน
ในปี 2021 นี้ ทาง Apple ก็ได้ปรับเปลี่ยนการซีลของกล่องใหม่อีกครั้ง โดยยกเลิกการซีลกล่องด้วยพลาสติกใสภายนอกกล่อง และเปลี่ยนมาใช้แถบกระดาษกาวด้านบนและด้านล่างกล่อง ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้กระดาษกาวนี้ ทาง Apple บอกว่าช่วยลดการใช้พลาสติกได้มากถึง 600 เมตริกตัน และถ้าสภาพกระดาษถูกฉีกขาดมา หรือติดไม่ตรง ให้สงสัยก่อนเลยว่ากล่องอาจจะถูกแกะมาแล้ว ถ้าให้ดีก็ซื้อจาก Apple หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะดีที่สุด
สำหรับเครื่องศูนย์ไทยจะมาพร้อมรายละเอียดตัวเครื่องและอุปกรณ์ที่อยูในชุดจัดจำหน่ายที่เป็นภาษาไทยอยู่ด้านหลังกล่อง พร้อมกับบอกรายละเอียดสีและความจุไว้ด้านล่าง
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับตัวเครื่องวางคว่ำหน้าอยู่ โชว์สีเทา Graphite อย่างสวยงาม สามารถดึงตัวเครื่องออกจากกล่องได้ง่ายด้วยลิ้นกระดาษที่ยื่นออกมา โดยกระดาษนี้จะเป็นแผ่นป้องกันรอยหน้าจอนั่นเอง
ภายในก็จะพบกับเอกสารต่างๆ ได้แก่ คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น การรับประกัน และ เอกสารยืนยันว่าผ่านการรับรองจาก กสทช. และยังคงมีสติ๊กเกอร์ Apple สีขาวมาให้ 1 แผ่น พร้อมกับเข็มจิ้มถาดซิมการ์ดมาให้ด้วย
ตามนโยบายลดโลกร้อนของ Apple ที่เริ่มมาตั้งแต่ไอโฟนรุ่นก่อนหน้า ทำให้มีแค่สายชาร์จ USB‑C to Lightning มาให้ใช้งาน อะแดปเตอร์และหูฟังต้องทำการซื้อแยก
Apple วางเป้าหมายเลิกใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2025 และลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจภายในปี 2030 ด้วยการดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลก ให้มีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วน การประกอบ การขนส่ง การใช้งานของเจ้าของอุปกรณ์ การชาร์จ จนถึงการรีไซเคิล และการคัดแยกวัสดุ
หน้าจอ ProMotion 120Hz พร้อมกล้องระดับโปรโฉมใหม่
iPhone 13 Pro Max ยังคงดีไซน์คล้ายกับรุ่นก่อนหน้า โดยตัวเครื่องมีความพรีเมี่ยมเช่นเคย ขอบตัวเครื่องสแตนเลสสตีลที่แบนเรียบ มีความเงาแวววาวดูหรูหราเข้ากับด้านหลังกระจกผิวด้านได้อย่างดี แต่ตัวเครื่องมีความหนามากขึ้นเล็กน้อย โดยมีความหนาที่ 7.65 มม. (เดิม 7.4 มม.) ส่วนความสูงและความกว้างยังคง 160.8 มม. และ 78.1 มม. เท่าเดิม และด้วยสีเท้า Graphite ก็มีความสวยงามนุ่มลึก
มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR ที่ใช้จอภาพ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว รองรับ ProMotion รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz ซึ่งเป็น iPhone รุ่นแรกที่รองรับ และมีเฉพาะใน iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max เท่านั้น นอกจากนี้รอยบากบนหน้าจอก็เล็กลง 20% เนื่องจากมีการปรับโมดูลระบบกล้องหน้าและ Face ID ใหม่ และมีการย้ายลำโพงไปชิดขอบหน้าจอมากขึ้น มีความสว่างสูงสุด 1,000 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR) จากเดิมความสว่างทั่วไปสูงสุดแค่ 800 นิต
กล้องหลังมีการปรับโฉมใหม่ ยกระดับให้โปรขึ้นกว่าเดิมด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ ไวด์ และเทเลโฟโต้แบบใหม่ ที่รองรับการใช้งานโหมดกลางคืนในกล้องทุกตัว ซึ่งประกอบไปด้วย กล้องเทเลโฟโต้ รูรับแสงขนาด ƒ/2.8, กล้องไวด์ รูรับแสงขนาด ƒ/1.5, กล้องอัลตร้าไวด์ รูรับแสงขนาด ƒ/1.8 มุมมองภาพ 120° ที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้งหมด พร้อมกับ LiDAR Scanner ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มความแม่นยำในการโฟกัสมากขึ้น
ปุ่มและพอร์ตต่างๆ ยังวางในตำแหน่งที่เหมือนเดิม โดยด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิด/ปิดเสียง, ปุ่มเพิ่ม/ลดระดับเสียง พร้อมช่องใส่ถาดซิมการ์ด ส่วนด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มล็อค/ปลดล็อควางอยู่เพียงปุ่มเดียว
ด้านล่างจะมีไมโครโฟนที่ประกบด้านข้างพอร์ต Lightning และถัดไปจะเป็นลำโพงสเตอริโอ
ตัวเครื่องยังดีไซน์ทนน้ำที่ระดับ IP68 สามารถอยู่รอดที่ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที และยังสามารถทนต่อ ของเหลวที่หกใส่ได้ ทั้งกาแฟ ชา น้ำอัดลม และอีกมากมายเช่นเคย
จุดเด่นของ iPhone 13 Pro Max
iPhone 13 Pro Max มีการปรับระบบกล้องระดับโปรแบบใหม่หมด ทำให้การถ่ายภาและวิดีโอทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ถ่ายในที่แสงน้อยสว่างและนอยซ์น้อยลง อีกทั้งยังรองรับการใช้งานถ่ายภาพในโหมด Photographic Styles (สไตล์ภาพถ่าย) และ การบันทึกวิดีโอในรูปแบบ Cinematic (โหมดภาพยนตร์) จะนำโบเก้ที่สวยงามและโฟกัสแบบแร็คมารวมไว้ใน วิดีโอเพื่อการถ่ายทอดเรื่องราวที่สมจริงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับ ProRes Video รูปแบบที่นักตัดต่อวิดีโอใช้กันอย่างแพร่หลายโดยเป็นรูปแบบผลงานขั้นสุดท้ายที่ให้ความเที่ยงตรงของสีในระดับสูง แล้วเดี๋ยวมาดูกันว่าใช้งานจริงๆ แล้วจะเป็นอย่างไร รอติดตามรีวิวกันได้เลยครับ
ราคาและวันวางจำหน่าย
Apple เตรียมวางจำหน่าย iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยมีราคาดังนี้
ราคา iPhone 13 mini
- ความจุ 128GB ราคา 25,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 29,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 37,900 บาท
ราคา iPhone 13
- ความจุ 128GB ราคา 29,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 33,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 41,900 บาท
ราคา iPhone 13 Pro
- 128GB ราคา 38,900 บาท
- 256GB ราคา 42,900 บาท
- 512GB ราคา 50,900 บาท
- 1TB ราคา 58,900 บาท
ราคา iPhone 13 Pro Max
- 128GB ราคา 42,900 บาท
- 256GB ราคา 46,900 บาท
- 512GB ราคา 54,900 บาท
- 1TB ราคา 62,900 บาท